ทั้งนี้ การลักลอบค้าบุหรี่ไม่เสียภาษีกลายเป็นทางเลือกของผู้สูบบุหรี่เนื่องจากราคาขายบุหรี่ที่เสียภาษีถูกต้องตามกฎหมายและบุหรี่ไม่เสียภาษีมีความแตกต่างกันมากอยู่ที่ 30-40 บาทต่อซองเทียบกับราคาบุหรี่ที่ถูกต้องตามกฎหมายที่มีราคาต่ำที่สุดในท้องตลาดตัวเลขนี้จะขยับขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อมีการขึ้นภาษีสรรพสามิตในช่วงเดือนตุลาคมของปีนี้จากการสำรวจซองเปล่าบุหรี่ (Empty Pack Survey) ซึ่งทำการสำรวจโดย นีลเส็น ระหว่างวันที่ 1-23 ตุลาคม พ.ศ. 2562 โดยการเก็บตัวอย่างซองเปล่าบุหรี่ที่ถูกทิ้งตามท้องถนนและสถานที่ทิ้งขยะสาธารณะ จำนวน 10,000 ซอง (สำรวจด้วยวิธีการ Stratified Quota Sampling) พบว่าประเทศไทยมีสัดส่วนบุหรี่ไม่เสียภาษีกลับมาเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมากหลังจากที่มีสัดส่วนลดลงแล้วในปีก่อนหน้า โดยตัวเลขขยับขึ้นมาเป็น 6.6% ในปี 2562 เพิ่มขึ้นจาก 5.2% ในปี 2561
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการบังคับใช้กฎหมายในเชิงรุกแต่ตัวเลขสัดส่วนบุหรี่ไม่เสียภาษีในปี 2562 ยังคงสูงกว่าตัวเลขในการสำรวจในปี2559 ก่อนช่วงการปรับขึ้นเพดานภาษีในปี 2560 ที่อยู่ที่ระดับเพียง 2.9%โดยเฉพาะภาคใต้ยังคงเป็นพื้นที่น่ากังวลมากที่สุดเนื่องจากผลการสำรวจล่าสุดแสดงให้เห็นว่ามีสัดส่วนบุหรี่ไม่เสียภาษีสูงที่สุดในประเทศนอกจากนี้ผลการสำรวจระบุว่าจังหวัดสงขลามีสัดส่วนบุหรี่ไม่เสียภาษีมากที่สุดในประเทศในเดือนตุลาคม 2562 อยู่ที่ 72.1% ตามมาด้วยสตูล 65.7 % พัทลุง 60.8 % และระนอง 34%" นอกจากนี้นายพงศธรยังได้ตั้งข้อสังเกตด้วยว่าทั้งจังหวัดสงขลา สตูล และพัทลุงต่างก็ติดสิบอันดับของจังหวัดที่มีอัตราการบริโภคบุหรี่มากที่สุดในประเทศจากผลการสํารวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่และการดื่มสุราของประชากร พ.ศ. 2560โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ
นายพงศธร กล่าวว่า หากรัฐบาลมุ่งมั่นเดินหน้านโยบายต่อสู้กับปัญหาบุหรี่และผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ไม่เสียภาษีก็จะถือเป็นโอกาสช่วยเพิ่มการจัดเก็บภาษีบุหรี่ให้ได้ตามเป้าหมายที่ 78,000 ล้านบาทด้วย
"บุหรี่ที่เสียภาษีถูกต้องตามกฎหมายส่วนใหญ่มีราคาขายปลีกซองละ60 บาท ดังนั้นหากภาครัฐสามารถจัดการกับบุหรี่ที่ไม่เสียภาษีได้ทั้งหมดอาจจะช่วยให้ภาครัฐจัดเก็บภาษีได้เพิ่มอีก 4 พันล้านบาท ซึ่งฟิลลิป มอร์ริส พร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐภายใต้มาตรการปัจจุบันและมาตรการใหม่เพื่อต่อสู้กับการค้าบุหรี่ที่ผิดกฎหมาย"นายพงศธร กล่าวทิ้งท้าย