รวบหนุ่มหื่น ลักกางเกงในตามคอนโด

เมื่อกลางดึก วันที่ 14 มกราคม พันตำรวจโท ปรัชญา บุญยืน รองผู้กำกับการสืบสวนตำรวจนครบาลดอนเมือง นำกำลังจับกุม นายดนัย หรือนัย รายเวทย์ อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาลักกางในสาว พร้อมของกลางกางเกงชั้นในกว่า 1,400 ตัว กระเป๋าผ้ายีนส์ 1 ใบ หมวกไหมพรม สีดำ 3 ใบ แชลงเหล็ก 2 อัน ไขควง 8 อัน เลื่อยเหล็ก 1 อัน ถุงมือผ้า 3 คู่ เชือกผ้าใบ 1 เส้น และหมวกแก็ป สีดำ 1 ใบ โดยสามารถจับกุมได้ที่ด้านหลังห้องพักชั้นล่าง คอนโดมิเนี่ยมแห่งหนึ่ง ถนนวิภาวดีรังสิต ฝั่งขาเข้า แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ

โดยสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 มกราคม ทางตัวแทนของคอนโดดังกล่าวได้เข้าร้องทุกข์กับทางตำรวจนครบาลดอนเมืองว่ามีคนร้ายเข้ามาขโมยกางเกงชั้นในหญิงสาวที่ตากไว้หลังห้อง จากนั้นทางตำรวจฝ่ายสืบสวนจึงลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดจนทราบรูปพรรณคนร้ายรายนี้ ต่อมาได้นำกำลังมาทำการมาเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งพบชายรูปพรรณตรงตามที่เคยก่อเหตุก่อนหน้านี้ กำลังยืนอยู่หลังห้องชั้นล่างของคอนโด พร้อมเอื้อมมือผ่านช่องตะแกรงระเบียงหลังห้องเข้าไปหยิบกางเกงชั้นในที่ตากไว้ ทางตำรวจจึงแสดงตัว จับกุมพร้อมของกลางกางเกงชั้นใน สีดำ จำนวน 3 ตัว ก่อนนำตัวขยายผลตรวจยึดของกลางที่เหลือที่บ้านพัก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ และควบคุมตัวสอบสวนที่สถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง

สอบสวน นายดนัย ผู้ต้องหา ให้การยอมรับสารภาพว่า หลังออกจากเรือนจำต้องโทษในคดีลักษณะนี้ ไม่ได้มีงานทำ ประกอบกับมีโรคไต ที่ต้องทำการรักษา โดยปัจจุบันอาศัยอยู่กับภรรยาและลูกเท่านั้น โดยภรรยาจะเป็นคนทำงานเป็นลูกจ้างร้านอาหารตามสั่งหาเลี้ยงครอบครัว แต่ด้วยที่เจ้าตัวชื่นชอบขโมยกางเกงชั้นในมาสูดดม เพื่อความพึงพอใจเท่านั้น ส่วนอุปกรณ์งัดแงะต่างๆนั้นเป็นของเก่า ไม่ได้ใช้ในการลงมือก่อเหตุแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อต่อคำให้การต้องทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งทั้งนี้เมื่อทำการตรวจสอบประวัติพบว่า เคยต้องคดีข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจร ท้องที่สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ มูลค่าทรัพย์สินความเสียหายกว่า 60 ล้านบาท ต่อมาได้ก่อเหตุงัดตู้เซฟ และลักกางเกงชั้นในเช่นกัน ท้องที่สถานีตำรวจนครบาลพลับพลาไชย 1 ได้ทรัพย์สินเป็นเงินสดไปถึง 401,000 บาท หากมีผู้เสียหายรายใดถูกคนน้ายรายนี้ก่อเหตุสามารถติดต่อตำรวจนครบาลดอนเมืองได้ทันที เบื้องต้นแจ้งข้อหา"ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนฯ"ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป