กรณีที่นำสารตั้งต้นประกอบระเบิด เข้ามาในอาคารรัฐสภาแล้ว เนื่องจากการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายเป็นคดีด้านความมั่นคง ซึ่งหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถมาเชิญตัวนายมงคลกิตติ์ไปให้ปากคำตามขั้นตอนของกฎหมายได้ แต่ว่านายมงคลกิตติ์เอง ก็ยังคงสามารถใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครองได้เช่นกัน เนื่องจากอยู่ในสมัยการประชุม
ทั้งนี้ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ยอมรับด้วยว่า การกระทำของนายมงคลกิตติ์ เป็นการหมิ่นประมาทสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพราะกล่าวหาว่ารัฐสภาไม่มีความรอบคอบในการดูแลความปลอดภัย ซึ่งไม่เป็นความจริง แต่คดีนี้ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายมงคลกิตติ์ เนื่องจากทางตำรวจมองว่าเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของความมั่นคง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถแจ้งความดำเนินคดีเองได้