พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานมอบรางวัลพระราชทาน Thailand Corporate Excellence Awards 2019 และรางวัล SMEs Excellence Award 2019 ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี จากการพิจารณาความสามารถใน 4 ด้าน ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจ/โครงสร้างพื้นฐาน/ ประสิทธิภาพของภาครัฐ/ และประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ จัดโดยสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย หรือ TMA
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ระบุว่า โลกปัจจุบันกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในทุกมิติ การที่ประเทศใดประเทศหนึ่งจะพัฒนาเศรษฐกิจสังคมให้เจริญรุดหน้า ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการดำเนินการของรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องเกิดจากความเข้าใจและความร่วมมือกันของทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคการศึกษา และประชาสังคมต่างๆ
ในส่วนของภาคธุรกิจความท้าทายของผู้นำโลกยุคใหม่ คือการทำอย่างไรให้สามารถรู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลง มองเห็นสัญญาณและคาดการณ์ไปข้างหน้า รวมถึงเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง และเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมสำหรับอนาคต โดยใช้ความสามารถในการพัฒนาและบริหารทรัพยากรต่างๆ ทั้ง เงิน คนและเทคโนโลยี เพื่อสร้างนวัตกรรมสินค้าและบริการที่เป็นเลิศ ตอบสนองความต้องการของตลาดมีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค และมีความยั่งยืน โดยไม่สร้างปัญหาและผลกระทบทางลบให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ตนเชื่อมั่นว่าภาคธุรกิจเอกชนของไทย มีความพร้อมและความตั้งใจที่จะร่วมกันขับเคลื่อน เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้ก้าวไปสู่ประเทศชั้นแนวหน้า ให้ทุกท่านในที่นี้เป็นประจักษ์พยานของความมุ่งมั่น และเป็นตัวอย่างของความสำคัญของความเป็นเลิศในด้านต่างๆ
ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับบรรดานักธุรกิจอีกว่า ตลอดการทำงาน 5 ปี 3-4 เดือนที่ผ่านมา ตนได้ทำงานกันอย่างหนัก ในการปกครองประเทศ เพราะคาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าโลกจะต้องมีปัญหาแน่นอน จากเรื่องเทคโนโลยีและดิจิทัลที่เกิดขึ้น รวมไปถึงพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนไป ซึ่งต้องยอมรับว่าพฤติกรรมของคนนั้นไปสู่เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เน้นความสะดวกสบาย และกระทั่งการสั่งกับข้าวก็สั่งออนไลน์มีคนมาส่งถึงบ้าน ไม่ต้องขับรถไปรถติด ทุกวันนี้เปลี่ยนไปหมดแล้ว ซึ่งวันนั้นจะเปลี่ยนไปมากกว่านี้อีก
โดยนายกรัฐมนตรี ยังเล่าถึงการเดิอนทางร่วมประชุมที่ประเทศเกาหลีใต้ว่า ที่ตนไปที่ประเทศเกาหลีมาให้ชมนิทรรศการ ซึ่งตนต้องการไปดูว่าประเทศเกาหลีทำอะไรบ้าง แต่พบว่าไม่ต่างอะไรจากบ้านเรา เพียงแต่ทำได้เร็วกว่าประเทศไทย
ซึ่งไทยต้องใช้วิธีการนำพาไปด้วยกัน และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง นี่และภายในงานนี้ตนท่ามกลางธุรกิจที่มีความเข้มแข็งมาก ในระดับที่ไม่เกินหมื่นล้าน ก็รวยแย่แล้ว ก็ต้องช่วยธุรกิจที่แย่ หากไปแต่ข้างบน ข้างล่างไปไม่ได้ก็ จะเกิด Impact กับประชาชนและผู้บริโภคทุกวันนี้พยายามปรับทุกอย่าง กฎหมายกฎระเบียบที่ไม่ได้รับการปรับแก้มานาน 5 ปี ที่ผ่านมามีการแก้ไขมากพอสมควร แต่คิดว่าต้องมีมากกว่านี้อีก
ซึ่งในตอนหนึ่งของการกล่าวปาฐกถา ยังมีการพูดถึงความจำเป็นในการมีทหาร ว่า ทุกวันนี้โลกมีความเปลี่ยนแปลงแล้ว ไม่ใช่ 2 ขั้วอำนาจ แต่เป็นหลายขั้วอำนาจ ในปัจจุบันไม่มีสงครามเย็นทุกวันนี้คือสงครามเศรษฐกิจ ส่วนสงครามทหารมีความจำเป็นอย่างมากก็ตามชายแดน ซึ่งก็ต้องมีความพร้อมเรื่องความมั่นคง ที่อยู่ตลอดแนวชายแดนมากกว่า 2 หมื่นคน ต้องนอนกลางดินตามป่าเขา กลางป่า ชายแดนไม่มีรั้วก็ต้องใช้ทหารอยู่ตามฐานละประมาณ 10-20 นาย ที่ต้องอยู่ตลอด ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ชรบ. ชคต. ในพื้นที่สามจังหวัดชายภาคใต้
นี่คือมิติความมั่นคง ก่อให้เกิดความประสิทธิภาพความปลอดภัยภายในประเทศ ถ้าไม่มีรั้วก็ต้องมีคนเป็นรั้ว ใช้ทหารเป็นรั้ว แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะเล็ดลอดเข้ามาบ้าง เพราะเราอยู่เป็นจุด ใช้การลาดตระเวน คนไม่ดียังไงก็หาช่องทางเข้ามาจนได้ ซึ่งเป็นเรื่องของความมั่นคงภายใน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำคนเดียวไม่ได้ จะให้ทหารทำก็ไม่ใช่ตำรวจทำก็ไม่ใช่ แต่ประชาชนทุกคนต้องร่วมมือกันเฝ้าระวังในการแจ้งเหตุร้าย ถ้าทุกคนมัวแต่โทษก็ไปมา ก็แก้ไม่ได้สักเรื่อง
ทั้งนี้มีบางคนก็ต่อต้านกันอยู่ ใครไม่อยากเป็นทหารก็ไปเรียน เดี๋ยวจะพามาก็ทะเลาะกันอีกจนปวดหัว แต่ต้องเชื่อมั่นว่าไปได้ ประเทศไทยศักดิ์สิทธิ์ ใครไม่ดีจริงก็อยู่ไม่ได้ เชื่อตนสิ ตนกินไม่อิ่มหรอกเพราะตราบใดที่คนไทยกินไม่อิ่มตนก็กินไม่ได้
การทำงานของตนไม่อยากให้เสียเปล่า ไม่อยากให้การทำงาน 5 ปีที่ผ่านมานั้นเสียไปเปล่า แล้วต้องเริ่มกันใหม่ ไม่มีประเทศไหนทำได้ต่างประเทศต่างชื่นชมประเทศไทย ตนมีความสุขเพราะเขาชื่นชมประเทศไทย คงไม่ใช่ปากหวานเพราะเขาชมทุกประเทศ มีแต่คนบางคนไม่พอใจใดๆทั้งสิ้น ตื่นมาก็เอาแต่โพสจริงๆเข้าไป พักหลังตนก็อารมณ์เสียน้อยลง เพราะไม่อ่านไม่มีทางอื่น ฝากทุกคนเอาไว้ช่วยกันพูดในสิ่งดีๆออกไปไม่ว่าจะการเมือง หรืออะไร ให้ไปคิดเอาเองเพราะตนไม่ได้เป็นคนเลือกมา ประชาชนเป็นคนเลือกมา ขอให้ทุกคนให้เกียรติประชาชน ตนอาจจะพูดเพราะไม่เคยมีคนพูดว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศมีคุณธรรมจริยธรรมและมีจิตสาธารณะ เผื่อแผ่แบ่งปันทุกคน เอาแต่ผลประโยชน์ใส่ตัวเองให้ได้มากที่สุด อย่าลืมว่าต้องดูแลสังคมไปด้วยต้องกลับไปดูว่าจะกลับไปดูแลสังคมอย่างไร อยากให้รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นอะไรคือประเทศไทย จะมาว่าตนทำให้ประเทศแย่ลงหรอถ้าตนไม่เข้ามา ทำให้ประเทศแย่ลงอย่างไร จะชอบตนไม่ว่า แต่ต้องรักประเทศและประชาชน
รัฐบาลมีหน้าที่ในการทำงานเพื่อประชาชน 68 ล้าน ไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง อะไรอย่างโพสต์มาแล้วทำตามท่านไม่ได้ เพราะท่านพูดอะไรมาไม่รู้ มายุ่งกับชีวิตตนเหลือเกินเป็นนายกไม่ใช่สบาย สำหรับตนใช้อะไรก็ไม่ได้ใช้ของแพงก็ไม่ได้ แต่ตอนเย็นยันว่าตนทำทุกอย่างเพื่อประเทศของเราเพื่อคนไทยทุกคนจนเปลี่ยนใครไม่ได้เมื่อตนในฐานะนี้ก็ต้องรักทุกคนถ้าจะมีคนไม่รักไม่ชอบก็ต้องขออภัยถ้ามีโอกาสก็จะทำให้มากที่สุดการเมืองก็ไม่ได้ของการเมืองแต่ประเทศมองประเทศไทยทำให้ความสนใจกับเพศทางการเมืองมากเหลือเกินไม่สนใจกับเรื่องเศรษฐกิจ
พร้อมกับนายกรัฐมนตรี ยังได้ยืนยันว่า นโยบายทุกนโยบายออกจากพรรคการเมือง ว่าทุกอย่าง มาจากรัฐบาล พรรคก็คือพรรค รัฐบาลคือรัฐบาล ไม่ว่าจะนโยบายพรรคใดก็แล้วแต่มาจากครมทั้งสิ้น