นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงความสำคัญของโครงการ "ไทยแลนด์ โรด เรซซิ่ง สแตนดาร์ด" ว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เล็งเห็นถึงผลประโยชน์และโอกาสที่จะส่งเสริมเศรษฐกิจและภาพพจน์ของประเทศ ผ่านการจัดงานวิ่งมาราธอนที่ได้มาตรฐาน ภายใต้นโยบาย สปอร์ต ทัวริซึ่ม ที่นอกจากจะช่วยสร้างเสริมสุขภาพให้แก่ประชาชนแล้ว ยังดึงดูดความสนใจจากชาวต่างชาติ ช่วยสร้างรายได้และเม็ดเงินหมุนเวียนให้กับประเทศไทยด้วย จึงเป็นที่มาของการลงมือทำโครงการนี้ เพื่อทำให้ประเทศไทยมีการจัดงานวิ่งที่ได้มาตรฐานระดับโลกเพิ่มมากขึ้น โดยเริ่มต้นจากการดึง 5 งานวิ่งแถวหน้าของประเทศมาเป็นต้นแบบนำร่องงานวิ่งอื่นๆ ประกอบด้วย บางแสน 42 ชลบุรีมาราธอน, บุรีรัมย์ มาราธอน, จอมบึมาราธอน, ภูเก็ตธอน, บางกอก มิดไนท์ มาราธอน และเพื่อเป้าหมายคือการขึ้นเป็นผู้นำด้านกาจัดงานวิ่งมาราธอนเบอร์ 1 ของอาเซียนภายใน 3 ปีจากนี้ และสร้างมาตรฐานงานวิ่งที่ยั่งยืนให้แก่ประเทศไทยสืบไป
ทั้งนี้ ภายในงานยังได้มีพิธีมอบโล่แสดงความยินดีให้กับ "บุรีรัมย์ มาราธอน" ที่ได้รับรองให้เป็นงานวิ่งมาราธอนระดับบรอนซ์เลเบล และบางแสน ฮาล์ฟ 21 มาราธอน ที่ได้รับรองให้เป็นงานวิ่งฮาล์ฟมาราธอน ระดับซิลเวอร์ เลเบล รวมถึงมอบเสื้อสามารถแก่ 5 มาราธอนไทยที่มาร่วมนำร่อง รวมถึงจัดสัมมนาในหัวข้อ "ขับเคลื่อนนโยบาย สู่ความสำเร็จ นำร่องมาราธอนไทยสู่มาตรฐานโลก", หลากมิติแห่งความสำเร็จ การเติบโตจากงานวิ่งมาราธอนในมาตรฐานโลก" และ "Roadmap ก้าวแรกสู่ Bronze Label ก้าวไกลให้ถึง Gold Label"
พร้อมกันนี้ ยังได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิของสหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ มาร่วมบรรยายให้ความรู้ถึงประสบการณ์การจัดงานวิ่งระดับโลกใน 2 อีเวนท์สำคัญคือ 1.กุญแจแห่งความสำเร็จของ "โคเปเฮเกน ฮาล์ฟมาราธอน" งานวิ่งฮาล์ฟมาราธอนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกภายใต้มาตรฐานโกลด์ เลเบล โดย เจคอบ ลาร์เซ็น และ 2.ประสบการณ์การใช้งานวิ่งมารารอนในการสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม โดย เอลานา เมเยอร์ อดีตนักวิ่งมาราธอนชาวแอฟริกาใต้ ดีกรีเหรียญเงินโอลิมปีกเกมส์ ผู้ผันตัวมาพัฒนาเมืองบ้านเกิดเคปทาวน์ให้กลายเป็นเมืองสปอร์ตทัวริซึ่มระดับโลก พร้อมใช้เวลาเพียง 3 ปี ปั้นงานวิ่ง "เคปทาวน์ มาราธอน" จนคว้าโกลด์ เลเบล ได้สำเร็จ