พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ช่วงกระทู้ถามสด ต่อข้อซักถามของนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประเด็นการออกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่งที่ 3/2562 ยกเว้น การบังคับใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน พ.ศ.2562 เพื่อขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว จำนวน 30 ปี ให้กับ บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งถูกตั้งประเด็นตรวจสอบว่าเป็นการออกคำสั่งที่เอื้อต่อเอกชน ไม่โปร่งใส และส่อไปในทางทุจริตว่ารัฐบาลมีความจำเป็นออกคำสั่งหัวหน้า คสช. เพื่อแก้ปัญหาระยะเวลาดำเนินการทั้งหมด ที่คาดว่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 18 เดือน ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวอาจกระทบการให้บริการกับประชาชนและการบริหารหนี้
"ที่มองว่าการต่อสัมปทานดังกล่าว ส่อทุจริต เป็นธรรมดาที่มองได้ แต่ผมยืนยันว่าทั้งหมดนี้เป็นเจตนาเพื่อประโยชน์แก่ประชาชน ต่อการแบกรับค่าบริการและอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ประชาชน ไม่มีเจตนาเป็นอย่างอื่น แม้ว่ารัฐบาลจะออกคำสั่งคสช. ยกเว้นกฏหมายร่วมลงทุนฯ แต่ผมยืนยันว่ารัฐบาลได้ดำเนินการให้เป็นไปตามพ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯแล้ว เพราะเมื่อพิจารณาดูตามองค์ประกอบนั้น ได้มีการแต่งตั้งครบทุกคนและมีเพิ่มเติมมากกว่าที่กฏหมายกำหนดด้วย อาจะพูดได้ว่า คณะกรรมการชุดนี้อาจเป็นไปด้วยนัยยะที่จะให้ประโยชน์ให้กับรัฐเพื่อจะแก้ปัญหา" พล.อ.อนุพงษ์ ชี้แจง
พล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวต่อประเด็นผลการศึกษาของกมธ.ฯ สภาฯ ซึ่งพิจารณาเรื่องดังกล่าวก่อนหน้านี้ว่า ไม่ได้นิ่งเฉย ซึ่งตนรับไว้เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พิจารณา ทั้งนี้ตนยืนยันอีกครั้งว่าการรับหนี้ ที่มีดอกเบี้ยสูงถึงปีละ 1,000 ล้านบาท และกทม.ต้องชดใช้เงินต้น หากรัฐบาลจะนำเงินภาษีประชาชนทั้งปรเทศมาชดใช้กับคนกทม. จะสมควรหรือไม่ อย่างไรก็ดีประเด็นดังกล่าว ครม.ต้องหารือในรายละเอียดก่อนจะตัดสินใจ