การจัดอันดับวัดจากปัจจัย 103 ข้อ เช่น เงินเฟ้อ ทักษะด้านดิจิตอล และกำแพงภาษี และสิงคโปร์ได้คะแนนสูงสุดถึง 84.8 จาก 100 คะแนน สามารถแซงหน้าสหรัฐ
กลายเป็นประเทศที่มีคะแนนขีดความสามารถทางการแข่งขันอันดับหนึ่งของโลกจากจำนวน 141 ประเทศที่สำรวจ และสิงคโปร์ได้คะแนนสูงสุดในแง่โครงสร้างพื้นฐาน อายุขัยเฉลี่ยประชากร และตลาดแรงงาน จากดัชนีชี้วัดสำคัญ 12 ข้อ
ส่วนสหรัฐที่อยู่ในอันดับ 2 ในปีนี้ ได้คะแนนอันดับสองในแง่ศักยภาพด้านนวัตกรรมและอันดับหนึ่งในด้านพลวัตรทางธุรกิจ นอกจากนี้ประเทศที่มีความสามารถทางการแข่งขันในอันดับ 3 ถึง 10
ประกอบด้วย ฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ ญี่ปุ่น เยอรมนี สวีเดน อังกฤษ และเดนมาร์ก ขณะที่เอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีความสามารถทางการแข่งขันสูงที่สุดในโลก ตามด้วยยุโรปและอเมริกาเหนือ
รายงานเตือนว่า ประเทศส่วนใหญ่ติดอยู่ในวงจรการเติบโตที่ชะลอตัวหรือคงที่และแนะนำว่า ประเทศที่ลงทุนด้านทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาสถาบัน นวัตกรรม และพลวัตทางธุรกิจ จะมีระดับความสามารถทางการแข่งขัน ทำให้สามารถต้านทานการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกได้ แต่เตือนว่ายังคงเสี่ยงได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์การเมือง