เรือเหล็กเป็นเรือรั่ว...รัฐบาลสำลักน้ำ

ต้นสัปดาห์ พรรคประชาธรรมไทยประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ทำให้หัวหน้าพรรค คือ นายพิเชษฐ สถิรชวาล ที่เป็น ส.ส.เพียง 1 เดียวของพรรค มีสถานะเป็นฝ่ายค้านอิสระ เป็นผลพวงจากเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย นั่นก็คือลมปากของ "ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า" ว่าด้วยการอุปมาอุปมัยแจกกล้วยให้ลิง ถัดมา 2 วันช่วงกลางสัปดาห์ ศาลฎีกาพิพากษาคดีคนเสื้อแดวบุกล้มการประชุมอาเซียนเมื่อปี 52 ที่พัทยา แม้จำเลยเกือบทั้งหมดนำโดย "พี่กี้ร์" อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ส่งสัญญาณหนี เพราะไม่โผล่หน้าไปศาล แต่ผลของคดีก็มีสัญญาณออกมาแล้วว่า งานนี้คุกทั้งยวง ยกฟ้องแค่คนเดียว 

งานหลังนี้ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับรัฐบาล เพราะจำเลยล้วนเป็นแกนนำ นปช.กับคนเสื้อแดง แต่ปรากฏว่าหนึ่งในนั้นคือ พันตำรวจโทไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร ซึ่งย้ายค่ายไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ ฉะนั้นหากวันที่ 31 ตุลาคม ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 4 ปีทั้ง "พี่กีร์" และพรรคพวก รวมทั้ง พันตำรวจโทไวพจน์ ตามที่เป็นข่าว เจ้าตัวก็จะสิ้นสภาพ ส.ส.ทันที เสียงสนับสนุนของรัฐบาลก็จะหายไปอีก 1 เมื่อส่องดูจำนวนมือของแต่ละฝ่าย แต่เดิมช่วงตั้งรัฐบาลผสม 19 พรรค รัฐบาล "บิ๊กตู่ 2/1" มีเสียงสนับสนุน 254 เสียง ขณะที่ฝ่ายค้านมีเสียงสนับสนุน 246 เสียง รวมเป็น 500 เสียง

แต่ปัจจุบันเสียงสนับสนุนที่โหวตได้จริงของทั้งสองฝ่ายไม่ได้เต็ม 100% แบบนี้ เพราะฝั่งรัฐบาลต้องหักประธานสภา และรองประธานอีก 2 คนออกไป รวมเป็นหักออก 3 เสียง เพราะทำหน้าที่กรรมการ โดยมารยาทไม่สามารถโหวตได้ ทำให้เสียงสนับสนุนจริงของรัฐบาลมีเพียงแค่ 251 เสียง จากนั้น "พี่เต้ พระราม 7" มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ก็ไขก๊อกพ้นรัฐบาลไปอีก 1 ทำให้เสียงของรัฐบาลเหลือ 250 และเมื่อพรรคประชาธรรมไทยโบกมือลาตามไปอีก ก็ส่งผลให้ขณะนี้จำนวนมือของฝั่งรัฐบาลต่ำกว่ากึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว คือมีเพียง 249 มือเท่านั้น

ขณะที่ฝ่ายค้านเองก็เสียงหายไป 2 เสียง จากการถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ของ "หัวหน้าเอก" ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และอาการป่วยหนักของ ส.ส.นครปฐม พรรคอนาคตใหม่ ทำให้เสียงของฝ่ายค้านเหลือ 244 เสียง แต่ก็ใช่ว่าพรรคพลังประชารัฐจะหายใจหายคอได้สะดวก เพราะฝ่ายค้านอิสระอย่าง "พี่เต้ พระราม 7" กับ "พิเชษฐ สถิรชวาล" พร้อมระบายแค้นด้วยกันหันไปโหวตบวกให้ฝ่ายค้านหลักได้ทุกเมื่อ เท่ากับฝ่ายค้านมีเสียงพร้อมโหวตเท่าเดิม คือ 246 ไม่ได้ตกน้ำหายไปไหนเหมือนฝ่ายรัฐบาล 

และต้องไม่ลืมว่า พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย นำโดย นายดำรงค์ พิเดช ซึ่งมี ส.ส. 2 เสียง ก็ประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลไปก่อนหน้าแล้วเช่นกัน เนื่องจากผิดหวังที่ไม่ได้ร่วมทำงานในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งหากหัก 2 เสียงของพรรคนายดำรงค์ออกไป รัฐบาลก็จะมีเสียงสนับสนุนเพียง 247 เสียงเท่านั้น หนำซ้ำถ้าหันไปโหวตหนุนฝ่ายค้าน รัฐบาลก็พ่ายแพ้ทันที 

แถมยังมีอีกโจทย์ยากให้พรรคพลังประชารัฐต้องลุ้นอีก คือ กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ชี้มูลความผิดประธานวิปรัฐบาล นายวิรัช รัตนเศรษฐ พร้อมภรรยา นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา กับพวกในคดีทุจริตการก่อสร้างสนามฟุตซอลในโรงเรียน 56 แห่ง ในเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมา เขต 2 ซึ่งหาก ป.ป.ช.ชงเรื่องให้อัยการฟ้อง ทั้งนายวิรัชและนางทัศนียาก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เสียงสนับสนุนของรัฐบาลก็จะเหลือเพียง 245 เสียง 

หากสถานการณ์ยิ่งไม่เป็นใจ เลือกตั้งใหม่ที่นครปฐมกับกำแพงเพชร ฝ่ายค้านเกิดพลิกมาชนะทั้ง 2 เขต เผลอๆ รัฐบาลจะมีเสียงน้อยกว่าฝ่ายค้าน 4-5 เสียงเลยทีเดียว!!!
ขณะที่เปิดสมัยประชุมหน้า มีงานใหญ่รออยู่ คือผลักดันร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี และศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งคาดว่าฝ่ายค้านยื่นแน่นอน เนื่องจากบางประเด็นเริ่มจะสุกงอมแล้ว โดยเฉพาะคุณสมบัติของ ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ต้องบอกว่ารอดยากจริงๆ ถ้าไม่ลาออกไปเสียก่อน ประเด็นสงสัยประเภทคดีความและวุฒิการศึกษาปลอม ต้องบอกว่าถูกจริตคนไทยอย่างยิ่ง ถ้าอภิปรายไม่ไว้วางใจจริง มีหวังล้างหูรอฟังกันทั้งประเทศ 

ล่าสุดว่ากันว่าพรรคพลังประชารัฐเตรียมส่ง "ทัพหลวง" อย่าง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และประธานยุทธศาสตร์พรรค ลงพื้นที่นครปฐม เพื่อตัดไม้ข่มนาน แต่ข่าวว่าอนาคตใหม่ไวกว่า ไปลุยพื้นที่กันวันพรุ่งนี้แล้ว ส่วนที่กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐเตรียมแก้เกมด้วยการส่งลูกชายของ พันตำรวจโทไวพจน์ ลงแทนพ่อ สถานการณ์ของรัฐบาลสำลักน้ำ ต้องบอกว่าพลิกผันและสุ่มเสี่ยงมากจริงๆ