ช่วงบ่ายวันนี้ มีการประชุม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งจะมีการหารือการจัดวางยุทธศาสตร์การทำงานของพรรค และการจัดสรรตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาผู้แทนราษฎร ที่พรรคได้มา 8 ตำแหน่ง โดยนายสุชาติ ชมกลิ่น ประธาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงหลักเกณฑ์การคัดเลือกบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการในแต่ละคณะ ว่า ได้พิจารณาเป็นรายภาค และยึดหลักอาวุโส ควบคู่กับความถนัดของแต่ละคน ซึ่งรายชื่อบุคคลที่เหมาะสมจะต้องผ่านการพิจารณาจาก นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคอีกครั้ง ซึ่งจะเคาะกันในที่ประชุมวันนี้ พร้อมยืนยันไม่สามารถเจียดโควตาให้กับพรรคการเมืองเล็กในสังกัดรัฐบาล เนื่องจากขัดต่อข้อบังคับการประชุมสภาฯ และกติกาไม่เอื้อ ทำให้เกรงว่าอาจมีปัญหา หากฝ่ายค้านยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เดินทางเข้าร่วมประชุม ส.ส.พรรค ณ ที่ทำการพรรคเป็นวันแรก หลังจากวานนี้ได้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคแล้ว โดยมีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาต้อนรับ
นายไพบูลย์ บอกว่า เวลานี้ถือว่าเป็น ส.ส.สังกัดพรรคพลังประชารัฐ และยังอยู่ในลำดับที่ 259 ตามตัวอักษรเช่นเดิม ซึ่งในวันพรุ่งนี้ จะเดินทางไปแจ้งลงทะเบียนกับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอเปลี่ยนบัตรประจำตัวจากพรรคเดิมมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ส่วนวันนี้ไม่ได้นัดคุยกับผู้ใหญ่ในพรรคคนใดเป็นพิเศษ แต่ทราบว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธ์ศาสตร์พรรคจะมาร่วมประชุมด้วย ตนจึงเดินทางมาพบในวันนี้
ส่วนกรณีที่มีการตีความ การยื่นยกเลิกพรรคเดิมเพื่อมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ เป็นการดำเนินการที่ผิดหรือถูกนั้น นายไพบูลย์ ย้ำว่า เป็นการคิดเอาเองของผู้ยื่น ไม่มีกฎหมายรองรับในความเห็นของบุคคลเหล่านั้น คิดในสิ่งที่ไม่เป็นประเด็น จึงนับเป็นความเห็น ดังนั้นสังคมควรตรวจสอบบุคคลเหล่านั้นด้วย
ส่วนที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ยื่น กกต.ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิฉัยการขาดสมาชิกภาพของตนเอง ในกรณียกเลิกพรรคประชาชนปฏิรูปนั้น นายไพบูลย์ กล่าวว่า เป็นการนำข้อกฎหมายของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองปี 2550 ซึ่งยกเลิกไปแล้วมาอ้างอิง ถือเป็นการแสดงความเห็นของผู้ไม่รู้ หรือรู้แล้วแต่ตั้งใจบิดเบือน จึงขอให้สังคมช่วยตรวจสอบ และคงไม่คิดเอาผิดนายเรืองไกร เพราะไม่มีปัญหา
แต่จะยื่นเอาผิด นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่กล่าวหาว่า การยกเลิกพรรคประชาชนปฏิรูปผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92(1) โดยเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งถือเป็นการกล่าวโทษตนด้วยความเท็จ จึงจะทำคำร้องยื่นไปยัง กกต.เพื่อให้ตรวจสอบนายศรีสุวรรณ โดยหากยื่นคำร้องที่เป็นเท็จ ก็มีความผิดเช่นกัน และจะถูกระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ตัดสิทธิ์ทางการเมือง นายไพบูลย์ ยังย้ำว่า ตนตรวจสอบผู้อื่น ก็พร้อมถูกตรวจสอบด้วยเช่นกัน ขอแค่อย่าล้ำเส้นและผิดกฎหมาย ไม่เช่นนั้นก็ดำเนินคดีกลับ
เมื่อถามว่า จะเรียกร้องให้พรรคเล็ก ยกเลิกพรรคแล้วมาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐเช่นเดียวกับตนเองหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตนเคารพในเอกสิทธิ์และศักดิ์ศรีของแต่ละคน จึงขอไม่ก้าวก่ายแทรกแซงกิจการของพรรคอื่น และไม่อยากทำอะไรเหมือนคนอื่น ขอให้การสนับสนุนการทำหน้าที่ของแต่ละคน ไม่ว่าฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล มุ่งคุณธรรมนำการเมือง