'วราวุธ'​ เตรียม​ชงวาระหมอกควันเข้าที่ประชุม​ รมต.สิ่งแวดล้อม​ อาเซียน​ ต.ค.​ นี้​ ที่กัมพูชา​

นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ บอกว่าสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างโดยเฉพาะสงขลา และสตูล คลี่คลายแล้วหลังจากทำหนังสือไปถึงเลขาธิการอาเซียน เพื่อขอความร่วมมือประเทศต้นทางแก้ไขปัญหา ส่วนสถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็งในพื้นที่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช ก็มอดดับหมดแล้ว อยู่ในขั้นตอนการเฝ้าระวังไม่ให้เกิดไฟไหม้ซ้ำ ซึ่งก็ทำให้ไม่เพิ่มผลกระทบด้านปัญหาคุณภาพอากาศในพื้นที่ให้มากขึ้น

ส่วนวิสัยทัศน์อาเซียนไร้หมอกควัน ปี 2563 วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ได้ให้ความสำคัญโดยในวันในต้นเดือนตุลาคมที่จะมีการประชุมรัฐมนตรี ที่ประเทศกัมพูชา จะหยิบยกปัญหาหมอกควันขึ้นมาเป็นวาระในการประชุมด้วย

ด้านนายธารา บัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซ ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บอกว่าจากทิศทางลมที่พัดจากทางใต้ขึ้นมา ทำให้ยืนยันด้วยว่าปัญหาคุณภาพอากาศหมอกควันที่เกิดในพื้นที่ของภาคใต้ตอนล่างมีสาเหตุจากไฟป่าในประเทศอินโดนีเซีย อย่างแน่นอนโดยพบจุดความร้อนทั่วพื้นที่บริเวณเกาะสุมาตรามาตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมจนมาถึงวันนี้

สาเหตุไฟป่าในประเทศอินโดนีเซียเกิดจาก เมื่อช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเกิดภาวะแห้งแล้ง แต่ไฟป่าก็ยังไม่ได้รุนแรงเท่ากับปี 2558 เพราะยังมีฝนตกลงมาในช่วงปลายฤดู ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติเอลนีโญแบบอ่อน ขณะเดียวกันพื้นที่สัมปทานปาล์มน้ำมันและเยื่อกระดาษก็มีการเผาพื้นที่ ทั้งยังมีปัญหาชาวบ้านการลักลอบเผาป่าคล้ายๆกับบ้านเรา

แต่น่าสนใจว่า ประเทศสิงคโปร์ที่อยู่ใกล้ที่สุดได้แก้ปัญหานี้ด้วยการออกกฎหมายควบคุมบริษัทสัญชาติสิงคโปร์ที่ไปลงทุนปลูกปาล์มน้ำมัน และปลูกสวนป่าเยื่อกระดาษในประเทศอินโดนีเซีย ห้ามเผา ซึ่งสิงคโปร์มีฐานข้อมูลแปลงสัมปทาน และหากพบจุด Hotspot ในพื้นที่ตรงกันก็จะลงโทษตามกฎหมาย

ส่วนประเทศไทยในฐานะผู้นำอาเซียน มีการกำหนดอาเซียนไร้หมอกควัน ตั้งเป้าในปี 2563 แต่ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันคงจะเป็นไปได้ยาก ซึ่งทางไทยต้องยอมรับให้ได้ก่อนว่าหมอกควันที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างเกิดจากไฟป่าอินโดนีเซียจริงตั้งแต่แรก

นายธาราเสนอว่า ควรใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลจากศูนย์ที่ตั้งขึ้นจากข้อตกลงอาเซียนลดผลกระทบหมอกควัน ซึ่งมีข้อมูลอยู่แล้วในการใช้แก้ปัญหา