อดีตแกนนำและแนวร่วม กลุ่ม นปช.เดินทางมาฟังคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ในคดีร่วมกันก่อการร้าย ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 และกลุ่มผู้ค้าที่ได้รับความเสียหายรวม 42 ราย ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช.นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. นพ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำและแนวร่วม นปช. อื่นๆ อีก รวม 24 คน ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1- 24ในความผิด ฐานร่วมกันก่อการร้าย ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 135/1, 135/2และร่วมกันชุมนุมฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
จากกรณีที่จำเลยและพวกได้ยุยงปลุกปั่นประชาชนให้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช. ต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. - 20 พ.ค. 2553 เพื่อกดดัน ต่อต้านรัฐบาล และบังคับขู่เข็ญ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ให้ประกาศยุบสภา
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า หลักฐานการนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฎชัดว่าการกระทำเหตุการณ์ต่างๆ เป็นการกระทำที่ของแกนนำกลุ่ม นปช.และศาลชี้ว่าการดำเนินการของกลุ่ม นปช.เป็นการชุมนุมทางการเมือง ที่ใช้สิทธิเรียกร้องตามเสรีภาพ ไม่ได้เข้าองค์ประกอบที่มีลักษณะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการใดอันก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต หรืออันตรายอย่างร้ายแรงต่อร่างกายหรือเสรีภาพ ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ระบบการขนส่งสาธารณะ ระบบโทรคมนาคม หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะ ความเสียหายแก่ทรัพย์สินของรัฐ ความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างสำคัญ
หลังศาลอ่านคำพิพาษาเสร็จสิ้นจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ได้กล่าวว่า "วันนี้กล่าวกันว่าไม่ใช้วันที่พวกเราจะมาดีใจ ยังมีเรื่องราวข้างหน้ารออยู่เป็นจำนวนมาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดพวกเราทุกคนขอกราบพระคุณศาลที่ให้ความเมตตาได้พิจารณาคดีอย่างยุติธรรม ต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนขอบคุณญาติวีรชน วีรชนและผู้สูญสิ้นอิสรภาพมากมาย วันนี้ไม่ได้เป็นวันที่ยุติพวกเราจำนวนมากที่ยังอยู่ในเรือนจำและรอการต่อสู้คดียังมีเหลืออีกจำนวนมาก เพราะฉะนั้นระหว่างทุกข์กับสุข ในช่วง 9 ปีมานี้เราถูกสลับกันเสมอ วันนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดผลคำพิจารณาของศาลอย่างให้คำพิพากษาอันนี้ผู้ที่ได้รับอานิสงส์ควรจะเป็นญาติวีรชนที่ได้ต่อสู้บาดเจ็บล้มตาย รวมทั้งผู้สูญสิ้นอิสรภาพมากมาย ส่วนพวกผมทุกคนยังต้องเดินหน้าต่อสู้คดีทั้งขั้นตอนคดีนี้ก็ยังมีชั้นอุทธรณ์ชั้นฎีกา และคดีอื่นๆ กันมากมาย"
ขณะที่ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช.ระบุ "เมื่อกระบวนการพิจารณาคดีมากถึงวันนี้ก็ต้องเรียนกับทุกท่านนะครับว่านี่ไม่ใช่ชัยชนะใดๆ ของพวกผม ไม่ใช่เป็นชัยชนะต่อฝ่ายโจทก์ที่เป็นผู้ฟ้องร้อง ไม่ได้เป็นชัยชนะต่อฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองแต่นี่เป็นกระบวนการพิสูจน์ข้อเท็จจริงโดยมีศาลท่านวินิจฉัยและมีคำพิพากษา สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้สำหรับผม ผมคิดว่าเป็นความยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับคนที่บาดเจ็บล้มตายจากการต่อสู้"