ทั้งนี้ เพื่อเป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งถือเป็นการสร้างเครือข่ายและสนับสนุนให้ภาคเอกชนสามารถกำกับดูแลสถานีบริการน้ำมันของตนเองได้อย่างถูกต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายมีประสิทธิภาพ และเป็นการส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีความสามารถในการแข่งขันทางการค้าอีกทั้งยังส่งผลให้การกำกับดูแลมาตรวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานีบริการมีความถูกต้องเที่ยงตรงมีประสิทธิภาพและครอบคลุมมาตรวัดฯ ที่มีอยู่ทั่วทั้งประเทศได้ในระยะเวลาอันสั้น กระทรวงพาณิชย์จึงได้ดำเนินการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อเป็นการประสานความร่วมมือระหว่างกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ กับผู้ประกอบการค้าน้ำมัน จำนวน 10 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) บริษัท ปตท.บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทพี โอ ออยล์ จำกัด
"วัตถุประสงค์ในการลงนามร่วมกันเพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคว่าจะได้รับปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ซื้อจากสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่เข้าร่วมโครงการครบเต็มจำนวนลิตรและเกิดความตระหนักว่าผู้บริโภคได้รับความคุ้มครองไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากการซื้อขายน้ำมันเชื้อเพลิงในสถานีบริการอีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการรักษาความเป็นธรรมทางการค้าและเป็นการสร้างมาตรฐานให้การกำกับดูแลมาตรวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงมีความถูกต้องเที่ยงตรงและสอดคล้องตามมาตรฐานสากล"
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลังที่ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจเรียบร้อยแล้ว จะทำให้ประชาชนผู้ใช้รถมีความมั่นใจจากการเติมน้ำมันจากสถานีบริการที่เข้าร่วมโครงการ"สถานีบริการน้ำมันเต็มลิตร" ทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแลมาตรวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานีบริการให้มีความถูกต้องเที่ยงตรงและครอบคลุมสถานีบริการที่มีอยู่ทั่วประเทศรวมถึงประชาชนผู้ใช้รถได้รับความเป็นธรรมในการใช้บริการ ทั้งนี้หากพบการไม่ได้รับความเป็นธรรมในการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ