
อาคารหลังนี้คือ "โรงแรมชางลี" ในอดีตเคยเป็นโรงแรมใหญ่ที่สุดใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เมื่อเกิดสถานการณ์ความไม่สงบตั้งแต่ปี 47 เป็นต้นมา ทำให้โรงแรมได้รับผลกระทบ ถูกลอบวางระเบิดทั้งในโรงแรมและบริเวณโดยรอบหลายครั้ง ทำให้โรงแรมเจ๊งและถูกทิ้งร้าง ในปี 55 ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต.ในยุคที่มี พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง เป็นเลขาธิการ ได้ตัดสินใจซื้อโรงแรมชางลี จากบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด หรือ บสส. ในราคา 124 ล้านบาท และตั้งงบสำหรับปรับปรุงอาคาร รวมถึงชำระค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกราว 43 ล้านบาทเศษ
ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร ศอ.บต.หลังการยึดอำนาจเมื่อปี 57 ทำให้การสานต่อโครงการนี้เงียบหายไประยะหนึ่ง กระทั่งภายหลังมีการทำโครงการปรับปรุงและตกแต่งอาคารใหม่ ซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยราว 10,000 ตารางเมตร ปรากฏว่าต้องใช้งบเพิ่มอีก 96 ล้านบาทเศษ จึงสามารถแปลงโฉมเป็นศูนย์บริหารราชการภาคใต้ตอนล่างที่นายกฯไปเปิดในวันนี้ได้ สรุปรวมงบประมาณที่ใช้ไปตั้งแต่จัดซื้อ จนถึงการปรับปรุง ซ่อมแซม และรีโนเวทอาคารใหม่ทั้งภายในและภายนอก รวมทั้งสิ้น 263 ล้านบาทเศษ แยกเฉพาะค่าปรับปรุงและรีโนเวท 139 ล้านบาท แพงกว่าราคาตัวอาคาร ล่าสุด "เนชั่นทีวี" พบข้อมูลที่น่าสนใจ ระบุอยู่ในรายงานที่ ศอ.บต.จัดทำเสนอนายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ก็คือโครงการปรับปรุงอาคาร หรือ "รีโนเวท" โรงแรมชางลีนี้ เพิ่งเสร็จเรียบร้อยในระยะที่ 2 คือชั้น 1 ถึงชั้น 7 เท่านั้น ส่วนโครงการปรับปรุงระยะที่ 3 ตั้งแต่ชั้น 8 ถึงชั้น 15 ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ
โดยชั้น 8 จะเป็นสำนักงานเพิ่มเติม ชั้น 9-13 จะเป็นห้องพักเพื่อให้บริการแก่ผู้รับบริการจากศูนย์กลางการจัดประชุมและนิทรรศการประมาณ 100 ห้องพัก ห้องพักละ 2 คน สามารถรองรับได้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 200 คน ส่วนชั้น 14 และ 15 จัดสร้างเป็น "หอเฉลิมพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์กับการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้"
สำหรับโครงการ "รีโนเวท" โรงแรมชางลี เคยเป็น 1 ใน 4 โครงการพัฒนาที่ใช้งบสูงของ ศอ.บต. กระทั่งถูกตรวจสอบจากคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่รัฐบาล คสช.ตั้งขึ้นด้วย โดยมี นายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นประธาน ผลสรุปที่ออกมามีการตั้งข้อสังเกตถึงความคุ้มค่าในการใช้งานจริง