
เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2562 เวลา 14.00 น. ฝ่ายกฎหมายพรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยว่าได้เตรียมยื่นฟ้องศาล ดำเนินคดีกับ "ปารีณา ไกรคุปต์" ส.ส. เขต 3 ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2562 โดยมีเนื้อหาเป็นข่าวปลอมที่มีเนื้อความเป็นเท็จ พร้อมภาพตัดต่อของ "พรรณิการ์ วานิช" และ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" รวมทั้งคณะทำงานพรรคอนาคตใหม่ ในลักษณะที่อาจทำให้สังคมเข้าใจผิดว่าพรรคอนาคตใหม่มีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการก่อเหตุรุนแรงหลายจุดในกรุงเทพฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดย พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ และในฐานะหนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า"พรรคอนาคตใหม่ยินดีรับฟัง-แลกเปลี่ยนความเห็นที่แตกต่างบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง และพยายามอดทนอดกลั้นต่อข่าวปลอมและการป้ายสีสาดโคลนอย่างถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ เป็นการป้ายสีสาดโคลนด้วยข่าวปลอมโดยสิ้นเชิงในประเด็นที่ร้ายแรงคอขาดบาดตาย ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง ทำให้สังคมเข้าใจผิดว่าพรรคอนาคตใหม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรง รวมทั้งเป็นการสร้างความเกลียดชังระหว่างผู้คนในสังคม อันจะนำมาสู่การใช้ความรุนแรงประทุษร้ายต่อกัน ซ้ำยังทำให้ปัญหาความขัดแย้งยิ่งฝังรากลึกลงไปอีก
พรรคอนาคตใหม่จึงตัดสินใจดำเนินคดีกับปารีณา ไกรคุปต์ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพยายามกล่าวหามาตลอดโดยเราไม่ได้ต้องการให้คุณปารีณาจะต้องรับผิดติดคุกแต่อย่างใด แต่อย่างน้อย สังคมจะต้องรับรู้ว่าเรื่องต่างๆ ที่เราถูกกล่าวหานั้นเป็นความเท็จโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะบุคคลที่เป็นผู้แทนของประชาชน จะต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการแพร่ข่าวปลอมและสร้างความเกลียดชัง
และพรรคอนาคตใหม่ขอให้ทุกท่านตรวจสอบข้อมูลข่าวสารใดๆ ก่อนที่จะเชื่อและเผยแพร่ส่งต่อ ไม่เช่นนั้นแล้ว เราอาจตกเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการสร้างความเกลียดชังในสังคมได้"โดยฝ่ายกฎหมาย พรรคอนาคตใหม่ เตรียมยื่นคำฟ้องต่อศาลอาญา ดำเนินคดีกับ "ปารีณา ไกรคุปต์" ในความผิดเกี่ยวกับการหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และ 328 รวมทั้งความผิดในการนำภาพของผู้อื่นไปตัดต่อดัดแปลง ทำให้เกิดความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 16
อย่างไรก็ตาม พบว่า "ปารีณา ไกรคุปต์" ได้ดัดแปลงแก้ไขโพสต์ของตนเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันที่ 5 สิงหาคม 2562 เพื่อลบเนื้อหาที่อาจมีความผิดตามกฎหมายบางส่วนออกไป
ด้าน ช่อ พรรณิการ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กPannika Chor Wanich โดยเผยว่าทำไมอนาคตใหม่ตัดสินใจฟ้องคุณปารีณา?
นับตั้งแต่เปิดสภา ตามมาด้วยกระแสข่าวมากมายเกี่ยวกับบทบาทของอนาคตใหม่ในสภา ช่อไปไหนมีแต่คนถามว่า พรรคจะจัดการกรณีคุณปารีณาอย่างไร จะฟ้องไหม เรานิ่งมาตลอด ใช้เพียงการชี้แจงด้วยข้อเท็จจริงและการทำงานหนักต่อเนื่อง เพราะพรรคอนาคตใหม่เชื่อว่างานและเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวเรามากกว่าการตอบโต้ชี้แจงรายวัน
อย่างไรก็ตาม ข้อความที่คุณปารีณาโพสต์ล่าสุด ซึ่งพาดพิงคุณธนาธร ช่อ และพรรคอนาคตใหม่ ว่าเป็นผู้ยุยงให้เกิดเหตุรุนแรงล่าสุดในกรุงเทพฯ และเชื่อมโยงพรรคเข้ากับการก่อเหตุในจังหวัดชายแดนใต้ ถือว่าล้ำเส้น ด้วยเหตุว่า ไม่เพียงนี่เป็นข้อความเท็จ 100% แต่ยังเป็นการกล่าวหาด้วยความผิดรุนแรงมาก และที่สำคัญที่สุด ไปพาดพิงถึงบุคคลที่สาม ซึ่งอยู่ในรูปที่คุณปารีณานำไปเชื่อมโยงพรรคอนาคตใหม่เข้ากับเหตุระเบิด ทำให้สังคมเข้าใจว่าบุคคลที่อยู่ในรูปถ่ายกับคุณธนาธรและช่อ เป็นคนเดียวกับผู้ต้องสงสัยวางระเบิด
เราตัดสินใจว่าเราไม่สามารถปล่อยให้บุคคลใดทำผิดซ้ำซาก ปล่อยข่าวเท็จ ปล่อยภาพตัดต่อที่สร้างความเสื่อมเสียให้บุคคลอื่น สร้างความแตกแยกเกลียดชังในสังคมได้อีกต่อไป จึงจะดำเนินคดีคุณปารีณา และหวังว่าเธอจะหยุดพฤติกรรมนี้ เพราะนอกจากจะส่งผลเสียต่อประเทศชาติ ประชาชนอย่างมหาศาล ยังเป็นผลเสียต่อตัวเธอเอง รวมถึงพรรคของเธอด้วย
ช่อได้ติดต่อพูดคุยกับบุคคลที่ได้รับความเสียหายแล้ว และได้ขอโทษที่เขาต้องมาเดือดร้อน ถูกเข้าใจผิดจากสังคมด้วยกระบวนการที่จ้องทำลายความน่าเชื่อถือของพรรคอนาคตใหม่ แต่เขาในฐานะคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชนคนหนึ่ง ยังคงยืนยันว่าเข้าใจสถานการณ์ดี และพร้อมจะต่อสู้ดำเนินคดีกับผู้เผยแพร่ข่าวเท็จเหล่านี้อย่างถึงที่สุด เพื่อไม่ให้สังคมต้องเผชิญการบั่นทอนสร้างความแตกแยกเกลียดชังมากไปกว่านี้
หลายท่านถามมาว่าทำไมครั้งนี้พรรคอนาคตใหม่เลือกจะแจ้งความดำเนินคดีคนอื่นโดยใช้พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยืนยันมาตลอดว่าไม่เห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้ ช่อขอชี้แจงว่านี่เป็นข้อเสนอจากทีมกฎหมายของพรรค ซึ่งให้ความเห็นว่ากรณีล่าสุดนี้ เข้าข่ายตรงตามมาตรา 16 ของพ.ร.บ. คอมฯ มากที่สุด ซึ่งมาตรานี้ไม่เหมือนมาตรา 14 ที่มีปัญหามาก ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองบ่อยครั้งจากปัญหาการตีความว่าข่าวเท็จใด "กระทบต่อความมั่นคง" และ "อาจสร้างความตื่นตระหนกในสาธารณชน" ขณะที่มาตรา 16 เป็นเรื่องการตัดต่อภาพเพื่อใส่ร้ายให้เสียหาย ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่แพร่หลาย สร้างความเสียหายแตกแยกและเกลียดชังอย่างมากในสังคม เราจึงเห็นควรดำเนินคดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพรรคจะพิจารณาข้อเสนอจากฝ่ายกฎหมายแล้วตัดสินใจอีกครั้งว่าจะฟ้องฐานใดบ้าง
ด้าน "เอ๋ ปารีณา" ได้โพสต์เฟซบุ๊กทันทีเมื่อทราบข่าวว่าจะถูกพรรคอนาคตใหม่ฟ้อง โดยระบุว่า
.
"เอ๋ ปารีณา" ยังได้โพสต์ต่ออีกว่า...#คิดว่าปารีณาควรไปแจ้งความช่อช่วยกดไลค์เยอะๆด้วยคะ
พรุ่งนี้ กลับเมืองไทยสิ่งแรกที่จะทำคือไปแจ้งความ ช่อ พรรณิกา ที่กล่าวหาดิฉัน(และพูดชื่อนามสกุลดิฉันอย่างชัดเจน)ว่า ดิฉันไปใส่ร้าย กล่าวหาข้อความเท็ต สร้างความเกลียดชัง บลาๆๆช่อ พูดให้ร้ายดิฉันมากมายเหลือเกิน ต้องแจ้งความกันแล้วแหละ
ส่วนอะไรที่ช่อ และพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้ทำ อย่าไป กินปูนร้อนท้อง เพราะไม่ได้เอ่ยชื่อใครเลย ที่ผ่านมามีการเอ่ยชื่อท่านทักษิณคนเดียว และแลดูท่านไม่เดือดร้อน ยังนิ่งๆ แล้วพรรคอนาคตใหม่จะเดือดร้อนทำไม หรือว่า... สังคมจะเป็นคนตัดสินว่าดิฉันพูดถึงใครอยู่ และอย่ามาพูดเรื่องคุกตารางกับดิฉันเพราะคนที่ใกล้คุกใกล้ตารางคือ... พวก.... ชังชาตืต่างหากคะ-----
ในขณะที่เรื่องนี้ยังร้อนแรงอยู่บนโลกโซเชียลในขณะนี้ ล่าสุดน.ส.ศุภมาส เสนะเวส นิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตผู้ก่อตั้ง"ขบวนผู้หญิงกับการปฏิรูปการเมือง" หรือ WeMoveโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ศุภมาส เสนะเวส โดยมีเนื้อหาระบุว่า...
#ว่าด้วยความผิดฐานหมิ่นประมาท
ตามที่มีประเด็นร้อนเกี่ยวกับการจะแจ้งความดำเนินคดีในความผิดฐานหมิ่นประมาท ระหว่าง ส.ส.นั้น
วันนี้เลยจะมาเล่าให้ฟังแบบง่าย ๆ
ความผิดหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖ นั้น จะต้อง
-"มีบุคคลที่สาม" คือบุคคลอื่นนอกจากคู่กรณี รับรู้ถึงการหมิ่นประมาทนั้นด้วย
ยกตัวอย่าง
น.ส.แพ็ท บอกกับนางก .ว่า "ระวังนะ นางเขียวนี่มันเป็นคนเลว มันชอบเป็นชู้กับผัวชาวบ้าน เป็นคนหยำฉ่า อย่าให้มันมาคุยกับผัวเธอบ่อย ๆ" โดยนางฟ้า ซึ่งเดินมาพอดี ก็ได้ยินด้วย เลยไปบอกนางเขียว
ดังนี้
- นาง ก.และนางฟ้าคือบุคคลที่สาม จึงเข้าองค์ประกอบหมิ่นประมาทซึ่งบุคคลที่สามนั้น อาจมีคนเดียวหรือหลายคนก็ได้
- และต้องมีบุคคลที่สามมาให้การเป็นพยาน ว่าได้ฟังคำกล่าวนั้น
การกล่าวนั้น ต้อง
- เป็นการยืนยันข้อเท็จจริง และไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องโกหก "ยิ่งจริงยิ่งผิด"
หากทำให้เขา
เสียหาย
เสียชื่อเสียง
ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง
- การดำเนินคดีนั้น สามารถทำได้ ๒ แบบ คือ
๑. เป็นผู้เสียหาย เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน
๒. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาโดยตรง
- ความผิดฐานหมิ่นประมาท เป็นความผิดต่อส่วนตัว สามารถยอมความได้
และตามมาตรา ๓๒๘ หากการหมิ่นประมาทนั้น ทำผ่านสื่อ เช่น ทำข้อความไปติดบอร์ดที่ทำงาน ลงหนังสือพิมพ์ ออกสื่อต่าง ๆ ซึ่งเรียกสั้น ๆ ว่า "หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา" โทษก็จะเพิ่มขึ้น ตามที่นำภาพมาให้ดู
อย่างไรก็ตาม การกล่าว ,ข้อเขียน , ภาพ หรือวิดีทัศน์ ที่ว่า จะเป็นการทำให้ เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง หรือไม่นั้น
#ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
และที่ควรทราบ กรณีที่จะไม่เป็นการหมิ่นประมาทนั้น อาจมีข้อต่อสู้ คือ
ต้องเป็นประโยชน์ต่อประชาชน
เช่น นางเอบอกกับที่ประชุมหมู่บ้านว่า นายส้มซึ่งเสนอมาตั้งกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ นั้นโกงมาหลายหมู่บ้านแล้ว จึงย้ายหนีมาอยู่หมู่บ้านนี้ ให้ไปทบทวนกันให้ดี
ดังนี้ สิ่งที่นางเอกล่าว ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชน จะได้ไม่เกิดความเสียหาย อาจยกมาเป็นข้อต่อสู้ได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การยกฟ้องได้
หมายเหตุ ตัวเลข ๑๒๘ ,๑๒๙ ที่วงเล็บหลังเลขมาตราที่แคป
.