ซึ่งเส้นทางเดินมีความยากลำบาก เนื่องจากต้องปีนเขาขึ้นไป เมื่อไปถึงพบต้นทุเรียนขนาดใหญ่จำนวนกว่า10 ต้น ที่ปลูกกระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ประมาณ5ไร่ โดยมีทุเรียนต้นหนึ่งซึ่งมีความสูงกว่า25 เมตร มีลำต้นใหญ่กว่า 2 คนโอบ บนต้นมีผลทุเรียนจำนวนหลายสิบลูก
โดยนายหยี่ซองเจ้ง เล่าให้ฟังว่า ทุเรียนต้นนี้เป็นต้นพันธุ์ที่ปลูกโดยคุณพ่อของนายหยี่ซองเจ้ง ซึ่งมีอายุกว่า100 ปีมาแล้ว ซึ่งตนโตขึ้นมาก็พบทุเรียนต้นนี้แล้ว เมื่อก่อนทุเรียนต้นนี้ให้ผลดกมากถึง300-400 ลูก ที่สำคัญเมื่อสุกจะมีผลสีแดง รสชาดหวาน มัน เนื้อหนา เม็ดเล็ก
ส่วนสาเหตุที่คุณพ่อมาปลูกทุเรียนในซอกเขาแห่งนี้ เนื่องจากในอดีต บ้านสเนพ่อง นิยมเลี้ยงควายโดยการปล่อยให้หากินตามธรรมชาติ การจะปลูกต้นผลไม้ก็มักจะถูกควายทำลาย พ่อตนเองจึงมาทำสวนและปลูกทุเรียนที่นี่เนื่องจาก สัตว์เลี้ยงและควายไม่สามารปีนเขาขึ้นมาได้
ตอนสมัยที่ตนยังแข็งแรง เวลาที่ทุเรียนสุก ตนเองจะนำทุเรียนใส่แพ ล่องลงไปขายที่ตัวเมืองสังขละบุรี คนที่เคยกินจะติดอก ติดใจ ถามหาโดยเฉพาะข้าราชการที่มาทำงานในสังขละบุรีเมื่อ40ปีก่อน จะรู้จักทุเรียนของตนเองดี
ด้านนายปกรณ์ กรรณวัลลี นอภ.สังขละบุรี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว หลังจากได้ชิมทุเรียนแล้ว เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า รสชาดดีมาก หวาน มัน เนื้อหนา เม็ดเล็ก ในอนาคตหากมีการส่งเสริมคิดว่าจะเป็นทุเรียนที่มีชื่อเสียงอย่างแน่นอน โดยตนเองจะมอบหมายให้เกษตรอำเภอสังขละบุรี เข้ามาศึกษาข้อมูลและทำการขยายพันธุ์เพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูก เพื่อจำหน่ายและอนุรักษ์สายพันธุ์ทุเรียนต้นนี้ต่อไป พร้อมจะตั้งชื่อให้ว่า ทุเรียนสะเนพ่อง เพื่อเป็นเกียรติแก่ นายหยี่ซองเจ้ง และหมู่บ้านสะเนพ่อง ต่อไป
โดยสังเกตจากต้นที่มีอายุกว่า100ปีแล้ว แต่ผิวดี ไร้แมลงรบกวน อีกทั้งมีผลใหญ่ พูสวย เนื้อหนา เมล็ดลีบ นับเป็นสายพันธุ์ดี ที่หาได้ยากมาก มีความเหมาะสมที่จะนำมาขยายพันธุ์ โดย อบต.จะส่งเสริมให้ชาวบ้านสะเนพ่องปลูกเพื่อสร้างรายได้ โดนตนเองในฐานะที่อยู่กับวงการทุนเรียนมากว่า30ปี ฟันธง ทุเรียนป่าบ้านสะเนพ่อง ดังระเบิดแน่นอนในอนาคต