กรมประมง ดึง​ สตช. เข้มคดีประมงผิดกฎหมาย ปี​ 62​ พบเรือทำผิดลดลง​ เหลือ​ 0.007%

5 มิ.ย. 62 - นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง บอกว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ประเทศไทยใช้ความพยายามแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายจนกระทั่งได้ใบเขียว มีการปฏิรูปภาคการประมงอย่างเป็นรูปธรรมไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการออกพระราชกำหนดการประมงพ. ศ. 2558 และกระบวนการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายทั้งระบบ โดยในส่วนของการทำประมงนอกน่านน้ำได้มีการปรับปรุงกฎหมายออกกฎกระทรวงเรื่องการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำพ. ศ. 2562 และมีการออกประกาศกรมประมงเกี่ยวข้องกับเรือประมงนอกน่านน้ำจำนวน 7 ฉบับรวมถึงมีการบริหารจัดการกองเรือประมงนอกน่านน้ำที่จะทำการประมงในพื้นที่ ให้สอดคล้อง สมดุลกับปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำนอกจากนี้ยังมีการติดตั้งเทคโนโลยีในการเฝ้าระวังได้แก่ระบบติดตามเรือระบบแสดงตนอัตโนมัติ, ระบบรายงานเฝ้าระวังอิเล็กทรอนิกส์, ระบบการแจ้งเข้าแจ้งออกเรือประมงผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ผู้สังเกตการณ์บนเรือ และคู่มือขั้นตอนการปฏิบัติงานสำหรับเจ้าหน้าที่อย่างชัดเจน

ส่วนกรณี ที่มีข้อสังเกตว่าการปฏิบัติตามกฎไอยูยูเข้มงวดกับเรือประมงทั้งพาณิชย์และเรือประมงพื้นบ้านมากขึ้นทำให้ราคาอาหารทะเลปรับตัวสูงขึ้นอธิบดีกรมประมงบอกว่าในระยะยาวจะทำให้ราคาอาหารทะเลลงมาอยู่ในระดับที่สามารถยอมรับได้เนื่องจากจะทำให้ทรัพยากรธรรมชาติมีเพิ่มมากขึ้นชาวประมงสามารถจับปลาได้ในปริมาณมากขึ้นหากทำข้อกำหนดตามกฎหมาย อย่างเคร่งครัดก็จะช่วยรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่ตลอดไป

ขณะนี้เรือประมงนอกน่านน้ำของประเทศไทยสามารถออกไปทำการประมงได้แล้วหลังจากที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปทำประมงนานถึง 2 ปีโดยเรือประมงนอกน่านน้ำลำแรกที่ได้ออกไปทำประมงที่มหาสมุทรอินเดียได้แก่เรืองมณีเงิน 5 ซึ่งออกเดินทางไปตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา.แสดงให้เห็นว่าระบบการบริหารจัดการทำประมงนอกน่านน้ำของประเทศไทยมีมาตรฐานได้รับการยอมรับในระดับสากลสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้นานาประเทศได้

ด้านพล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดเผยถึงขั้นตอนการปฏิบัติในการดำเนินคดีว่าเมื่อได้รับการแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่าพบการกระทำผิดซึ่งมีทั้งในรูปแบบพบการกระทำผิดซึ่งหน้าสามารถจับกุมได้และแบบดูจากระบบ VMS ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐก็จะร้องทุกข์กล่าวโทษเรียงสถานีตำรวจในท้องถิ่นที่เกิดเหตุเพื่อไต่สวนโดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับขั้นตอนของการส่งหนังสือกับเกลือยึดเครื่องมือประมงและแจ้งไปยังกรมเจ้าท่าให้ทำการล็อคเรือและพิจารณาออกมาตรการทางปกครองทั้งนี้ในขั้นตอนการดำเนินทางกฎหมายจะมีการเปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาที่ชี้แจงเพื่อความโปร่งใสและยุติธรรม.