เรื่องนี้มีการชี้แจง และตั้งข้อสังเกต จากนั้นก็ชี้แจงเพิ่้ม ตั้งข้อสังเกตเพิ่มกันมาหลายรอบแล้ว สรุปคำถามคาใจสังคม และคนที่ยื่น กกต.ให้สอบสวน มีดังนี้
1.คุณธนาธรโอนหุ้นให้แม่ก่อนสมัครรับเลือกตั้ง คือวันที่ 8 มกราคมจริงหรือไม่ และมีผลทางกฎหมายทันทีหรือเปล่า
2.วันที่ 8 มกราคม คุณธนาธรอยู่ที่ไหน เพราะมีภาพข่าวว่าอยู่บุรีรัมย์ แล้วจะเซ็นเอกสารโอนหุ้นต่อหน้าพยาน 2 คนและทนายโนตารีที่กรุงเทพฯ ตามอ้างได้อย่างไร
3.เมื่อโอนหุ้นไปแล้ว ทำไมแม่ของคุณธนาธร ในฐานะผู้ร้บโอน ต้องโอนต่อให้หลาน 2 คน แล้วหลานโอนกลับมาให้แม่คุณธนาธรอีกรอบ เป็นการสร้างหลักฐานเทียมเพื่อให้สอดรับกับจำนวนคนเข้าประชุมผู้ถือหุ้น 10 คน ทั้งๆ ที่ต้องเหลือ 8 คน เพราะคุณธนาธรกับภรรยาโอนหุ้นไปแล้วหรือไม่
อาจารย์ปิยบุตร ชี้แจงข้อสงสัยทั้งหมดนี้ว่า
1.การโอนหุ้นของคุณธนาธรมีผลตามกฎหมายทันทีที่โอน ไม่ต้องรอแจ้งนายทะเบียน จึงถือว่าในวันที่ 8 มกราคม ไม่ได้ถือหุ้นแล้ว
2.คุณธนาธรไปหาเสียงที่ อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์จริง ในช่วงเช้าวันที่ 8 มกราคม แต่คุณธนาธรกลับก่อน ถึงกรุงเทพฯช่วงบ่าย ผ่านด่านธัญบุรีก่อน 3 โมงเย็นเล็กน้อย (อาจารย์ปิยบุตรมีข้อมูลการใช้อีซี่พาสมายืนยัน) ขณะที่ทางพรรคก็ส่งภาพกิจกรรมในวันนั้น อ้างเวลา 11 โมง คุณธนาธรไม่อยู่แล้ว แสดงว่าคุณธนาธรออกจากสตึก ราวๆ 11 โมง ล่าความจริงตรวจสอบเวลาเดินทางโดยใช้กูเกิ้ลแมพ พบว่าจากสตึกมาด่านธัญบุรี ใช้เวลา 5 ชั่วโมง 15 นาที สอดคล้องกับคนขับรถตู้รับจ้าง ที่ยืนยันเวลาประมาณนี้ แต่แน่นอนว่าการจราจรแต่ละวันไม่เหมือนกัน และความแรงของรถแต่ละคันก็ไม่เท่ากัน
3.การที่คุณแม่ของคุณธนาธร โอนหุ้นต่อให้หลาน เพื่อไปติดตามหนี้ค้างชำระ แต่ภายหลังทราบว่าเป็นหนี้ค้างเก่านานหลายปี ตามไม่ได้แล้ว จึงโอนหุุ้นกลับมา เตรียมปิดกิจการ มีการอ้างว่าหลานชื่อ ทวี กับ ปิติ ซึ่งสังคมไม่รู้จักว่าเป็นใคร
นี่คือคำชี้แจงทั้งหมดที่สรุปมาแบบง่ายๆ ฟังแล้วจะเชื่อหรือไม่ก็ขึ้นกับวิจารณญาณของแต่ละคน