สภาธุรกิจตลาดทุนไทยชี้ปัญหาการเมืองฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุน
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
ดัชนีฯ เดือนเมษายน 2562 ปรับตัวพลิกกลับมาอยู่ที่โซนทรงตัว เนื่องจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองเป็นปัจจัยหนุนและฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุ
นไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index)ประจำเดือนเมษายน 2562 ว่า "ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวพลิกกลับมาอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว (Neutral)จากเกณฑ์ร้อนแรงในเดือนก่อน โดยผลสำรวจพบว่านักลงทุนเชื่อมั่นสถานการณ์การเมืองจากการเลือกตั้งเป็นปัจจัยหลัก ขณะที่เสถียรภาพรัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้งและผลการเจรจานโยบายการค้าระหว่างสหรัฐและจีน เป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุน"ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index)ประจำเดือนเมษายน 2562 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้
ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มิถุนายน 2562) อยู่ในเกณฑ์ "ทรงตัว" (Neutral) (ช่วงค่าดัชนี 80 - 119) จาก "ร้อนแรง" โดยลดลง 17.72% มาอยู่ที่ระดับ 107.53
ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ที่Zoneร้อนแรง (Bullish)เช่นเดิม
ดัชนีนักลงทุนกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงมาอยู่ในZoneทรงตัว (Neutral)
ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนรายบุคคลปรับตัวลดลงมาอยู่ในZoneทรงตัว (Neutral)
ดัชนีความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ อยู่ในZoneทรงตัว (Neutral)เช่นเดิม
หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดพาณิชย์ (COMM)
หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ (MEDIA)
ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ทางการเมือง
ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ทางการเมือง
"ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนพลิ
กกลับมาอยู่ในเกณฑ์ทรงตัวเป็นเดือนแรก โดยทุกกลุ่มบัญชีนักลงทุนปรับตัวลดลง กลุ่มบัญชีนักลงทุนรายบุคคลและกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ลดลงจากเกณฑ์ร้อนแรงมาอยู่ที่เกณฑ์ทรงตัว กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน อยู่ในเกณฑ์ร้อนแรงเช่นเดิม ขณะที่กลุ่มสถาบันในประเทศปรับตัวลดลงเล็กน้อยอยู่ที่เกณฑ์ทรงตัวเช่นเดียวกับเดือนก่อนในช่วงเดือนมีนาคม ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ เคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 1617-1646 จุด ปรับตัวผันผวนระหว่างเดือนตามปัจจัยทางการเมืองและข่าวการเลือกตั้งเช่นเดียวกับเดือนกุมภาพันธ์ ทั้งนี้ ทิศทางการลงทุน ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ปัจจัยในประเทศมีผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนเป็นปัจจัยหลัก โดยสถานการณ์การเลือกตั้งเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด
ขณะที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนและแนวโน้มการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารสหรัฐ เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นในลำดับรองลงมา
ขณะเดียวกันความกังวลเสถียรภาพทางการเมืองจากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้งเป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด
รองลงมาคือนักลงทุนมีความกังวลทิศทางการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงทั้งเศรษฐกิจของจีนและเศรษฐกิจของสหรัฐ สำหรับปัจจัยทางเศรษฐกิจโลกที่ต้องติดตามได้แก่ การชะลอการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของEUการคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของBOJการพิจารณาข้อตกลงBrexitที่อังกฤษยื่นขอเลื่อนกำหนดเส้นตายออกไปอีก ราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวสูงขึ้นจากการยกเลิกการประชุมOPECทำให้มาตรการลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มOPECจะมีผลบังคับใช้ไปจนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. เป็นอย่างน้อย เป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม"