อาจารย์จอมเดช ถอดบทเรียนเรื่องนี้เอาไว้อย่างน่าสนใจ ทั้งในมุมความสำเร็จของพรรคอนาคตใหม่ ที่สร้างกระแสแซงคนรุ่นใหม่จากพรรคอื่น ซึ่งแน่นอนว่าประสบความสำเร็จจากการเลือกตั้ง แต่สิ่งที่ยังน่ากังวลก็คือ ผลสะเทือนที่จะเกิดต่อระบบการเมืองไทยหลังจากนี้
แม้จะถูกกระแสอนาคตใหม่กลบฝัง แต่นายทะเบียนพรรครวมพลังประชาชาติไทยอย่าง อาจารย์จอมเดช ก็บอกว่า การเมืองไทยยังต้องการคนรุ่นใหม่เข้าไปหมุนเวียนและสานงานต่อ ซึ่งไม่ใช่แค่พรรคอนาคตใหม่พรรคเดียวเท่านั้น และสิ่งสำคัญคือการผสมผสานกันระหว่างคนรุ่นใหม่กับรุ่นเก่า เพื่อพัฒนาประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะประเทศไทยเคยมีบทเรียนมาแล้วจากแนวคิดสุดโต่งของแต่ละฝ่าย จนสุดท้ายต้องออกมาต่อสู้กันบนท้องถนน
ในฐานะคนรุ่นใหม่ที่มีโอกาสเข้าไปสัมผัสการเมือง ทำให้ อาจารย์จอมเดช สรุปบทเรียนว่า การเมืองที่เคยมองจากข้างนอก กับการเมืองที่เข้ามาสัมผัสและคลุกวงในจริงๆ เหมือนเป็นโลกคนละใบ เพราะโลกการเมืองที่แท้จริงมีความลึกลับซับซ้อน และการต่อสู้ทางการเมืองเป็นการต่อสู้ที่ใช้ทุนสูงและรุนแรงมาก
นี่คือการสรุปบทเรียนส่วนหนึ่งจากอดีตตำรวจ และอดีตอาจารย์จากรั้วมหาวิทยาลัย ที่กระโดดเข้าสู่แวดวงการเมืองในฐานะ "คนรุ่นใหม่" ซึ่งแม้จะพ่ายแพ้ต่อกระแสอนาคตใหม่ที่ขายความใหม่เหมือนกัน แต่อาจารย์ก็ยังไม่ท้อ และวาดหวังจะเดินหน้าบนถนนสายนี้ต่อไป เพราะเชื่อว่าแนวทางที่ตนเองเลือกเดินน่าจะยั่งยืนกว่าบางกลุ่มบางพรรคที่ประสบความสำเร็จในขณะนี้