
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์และการสร้าง การรับรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการของทุกกระทรวงและทุกหน่วยงาน และให้ถือเป็นตัวชี้วัดในการประเมินผลการปฏิบัติราชการของหัวหน้าส่วนราชการทุกแห่ง โดยรัฐบาลได้กำหนดนโยบาย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมของประเทศในทุกรูปแบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางของประชาชนและการขนส่งสินค้าทั้งในประเทศและระหว่างประเทศให้มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ประกอบกับคณะรัฐมนตรีเห็นชอบยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแปลงเป็นแผนงาน โครงการ แผนปฏิบัติการและกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ "ประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างรายได้ระดับสูง เป็นประเทศพัฒนาแล้ว และสร้างความสุขของคนไทย สังคม ให้มีความมั่นคง เสมอภาค และเป็นธรรม ประเทศสามารถแข่งขันได้ในระบบเศรษฐกิจ
กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง ของประเทศ ได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาะบบคมนาคมขนส่งของไทยระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561 2580) และยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558 2565 เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่ง ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายการบริหารจัดการระบบการขนส่ง เพิ่มประสิทธิภาพการเป็นประตูการค้าหลักและเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจของประเทศ อำนวยความปลอดภัย สะดวก รวดเร็วในการเดินทาง และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ และนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งของภูมิภาคตามกรอบแนวคิดการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง ประกอบด้วย การขนส่งที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มั่นคงด้วยพลังงานทางเลือกใหม่และระบบขนส่งที่ประหยัดพลังงาน (Green & Safe Transport) การเข้าถึงระบบขนส่งอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม (Inclusive Transport) ด้วยการออกแบบและการบริการเพื่อคนทุกกลุ่ม (Universal Design & Service Design) การขนส่งที่มีประสิทธิภาพ (Transport Efficiency) เพื่อลดต้นทุนการขนส่งและโลจิสติกส์ สร้างโครงข่ายการเชื่อมโยงระบบคมนาคมภายในประเทศและระหว่างประเทศ มุ่งเน้นการพัฒนาระบบคมนาคมไทยบนพื้นฐานของการคิดค้นนวัตกรรมและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ (Innovation & Management)
การจัดนิทรรศการและการเสวนาสร้างการรับรู้ฯ ในครั้งนี้ เป็นการสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วม ของประชาชน รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วน ภายในงานมีกิจกรรมต่าง ๆ ประกอบด้วย การปาฐกถาพิเศษ "คมนาคมทุกโหมด ตอบโจทย์ประเทศไทย" โดย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นำเสนอภาพรวมยุทธศาสตร์พัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย ระยะ 20 ปี โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2561 2565) วงเงินลงทุนรวม 1,714,241 ล้านบาท โครงการส่วนใหญ่ดำเนินการเห็นเป็นรูปธรรม และบางโครงการใกล้แล้วเสร็จ เช่น สะพานข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 2 ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน โคราช และท่าอากาศยานเบตง ระยะที่ 2 โครงการที่ดำเนินการในปี 2566 2570 วงเงินลงทุนรวม 636,863 ล้านบาท ระยะที่ 3 ดำเนินการในปี 2571 2575 วงเงินลงทุนรวม 418,121 ล้านบาท และระยะที่ 4 ดำเนินการในปี 2576 2580 วงเงินลงทุนรวม 318,436 ล้านบาท โดยมีโครงการสำคัญที่เร่งรัดผลักดันเพื่อให้เกิดการพัฒนาในพื้นที่ภาคเหนือ ยกระดับ การเดินทางและขนส่งสินค้าในภูมิภาค ตลอดจนสนับสนุนการท่องเที่ยว ประกอบด้วย 1) ทางราง ได้แก่ รถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ เชียงใหม่ รถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี ปากน้ำโพ ปากน้ำโพ เด่นชัย เด่นชัย เชียงใหม่ เด่นชัย เชียงราย เชียงของ และการศึกษารถไฟฟ้ารางเบาเพื่อการเดินทางที่คล่องตัวและลดปัญหาการจราจร 2) ทางอากาศ เพิ่มศักยภาพท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ ท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ รวมถึงการพัฒนาท่าอากาศยานภูมิภาค ประกอบด้วย ท่าอากาศยานลำปาง และท่าอากาศยานแพร่ 3) ทางถนน ประกอบด้วย ถนนไฮเวย์ ช่วงเชียงใหม่ ลำปาง พะเยา เชียงราย ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ตาก แม่สอด สะพานมิตรภาพไทย เมียนมา แห่งที่ 2 ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ สถานีขนส่งสินค้าภูมิภาค จุดพักรถบรรทุก และทางลอดฟ้าฮ่าม 4) ทางน้ำ เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางน้ำ เพื่อลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ ได้แก่ ท่าเรือเชียงแสน ท่าเรือเชียงของ และการพัฒนาท่าเรือบกที่จังหวัดนครสวรรค์ นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาหัวข้อ "ขับเคลื่อนให้คุ้มค่า เดินหน้าให้ยั่งยืน" โดย นายสราวุธ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร นำเสนอมุมมองในฐานะภาครัฐที่ช่วยผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมีวิทยากรจากหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ผู้ประกอบการด้านขนส่งชั้นนำของภาคเหนือ และภาคเอกชน ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองประโยชน์ที่จะได้รับจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อย่างเป็นรูปธรรม ความพร้อมและความต้องการของภาคเอกชน รวมถึงข้อเสนอแนะของผู้เข้าร่วมเสวนาเพื่อให้การพัฒนาโครงการในอนาคตตอบสนองความต้องการของทุกภาคส่วนมากที่สุด
นอกจากนี้ กระทรวงฯ ได้จัดแสดงนิทรรศการผลงานผ่านสื่อ Multimedia ที่ทันสมัยภายใต้แนวคิด Seamless Mobility เชื่อมโยงทุกระบบคมนาคมอย่างไร้รอยต่อทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และทางราง รวมทั้งกิจกรรมเวทีกลางตอบคำถามรับรางวัล สอดแทรกการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลและกระทรวงฯ โครงการสำคัญต่าง ๆ ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน และส่งเสริมความรู้ด้านการคมนาคมขนส่งและความปลอดภัย
ทั้งนี้ การจัดงานนิทรรศการและเสวนาการสร้างการรับรู้ฯ "ONE Transport for All 2019 : Mobility Connect Technology" จะจัดขึ้นอีก 2 ครั้ง ณ จังหวัดนครราชสีมา และกระบี่