จริงๆ กระแสที่พรรคการเมืองออกมา "ตีปลาหน้าไซ" มีมาระยะหนึ่งแล้ว หลักๆ คือการเรียกร้องให้ ส.ว.250 คนที่อยู่ในกระบวนการเคาะชื่อแต่งตั้งโดย คสช.-ขณะนี้ โหวตเลือกนายกฯตามเจตจำนงของประชาชน คือพรรคไหนได้เสียง ส.ส.มากที่สุดจากการเลือกตั้ง หรือรวมเสียงในสภาผู้แทนราษฎรได้มากที่สุด ก็ควรเป็นนายกฯและควรเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ไม่ใช่ไปสนับสนุนคนจากพรรคที่แพ้เลือกตั้ง
ต่อมากระแสนี้เริ่มลุกลาม ถึงขนาดบางพรรคโจมตีว่าเป็นกลไกที่ไม่ชอบธรรม เสนอไม่ให้ ส.ว.มีส่วนร่วมโหวตนายกฯเลยด้วยซ้ำไป
แต่ก็มีผู้ทรงคุณวุฒิอย่างอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา นายชูชาติ ศรีแสง ที่ออกมาโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเพื่อเตือนความจำว่า กระบวนการให้ ส.ว.ร่วมโหวตเลือกนายกฯด้วยนั้น เขียนอยู่ในรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติจากประชาชนด้วยคะแนนสูงถึง 61.35% เฉพาะประเด็นให้ ส.ว.ร่วมโหวตเลือกนายกฯในช่วง 5 ปีแรก อยู่ในส่วนของ "คำถามพ่วง" ที่ผ่านประชามติเช่นกัน ด้วยคะแนน 58.07% ทำให้อดีตผู้พิพากษาชูชาติ ตั้งคำถามกลับไปยังบรรดาแกนนำพรรคการเมืองที่ออกมาเรียกร้องเรื่องนี้ว่า ถ้าระบอบประชาธิปไตยหมายถึงการต้องยอมรับฟังเสียงของประชาชน นักการเมืองที่อ้างว่าเป็นนักประชาธิปไตย ก็ควรยอมรับผลการออกเสียงของประชาชนด้วย มิฉะนั้นจะกลายเป็นประชาธิปไตยตามความต้องการและความพอใจของคนบางกลุ่มเท่านั้น