ล่าสุดเจ้าหน้าที่ระบุปัจจัยสำคัญที่ทำให้แร้งพลัดหลงนั้น ประกอบไปด้วย ปัจจัยเรื่องอายุ เนื่องจากแร้งตัวนี้อายุประมาณ5-7 ปี กำลังเข้าสู่ระยะโตเต็มวัย (กลุ่มงานวิจัยสัตว์ป่า)เรื่องประสบการณ์ในการบินอพยพ อาจมีไม่มาก อาจทำให้พลัดหลงได้ ปัจจัยเรื่องอาหาร จากการตรวจสุขภาพทางห้องปฏิบัติการพบว่า เกิดภาวะโลหิตจาง ค่าตับสูงและโปรตีนในเลือดต่ำคาดว่าเกิดจากการอดอาหารเป็นเวลานาน และมีการใช้กำลังของกล้ามเนื้อมากเกินไปซึ่งสอดคล้องกับเส้นทางการบินอพยพของแร้ง ที่ผ่านมานั้นไม่มีแหล่งอาหาร เช่นซากสัตว์ เป็นต้น ปัจจัยด้านสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง อาจส่งผลต่อเส้นทางการบินอพยพและสุขภาพเช่นระบบทางเดินหายใจ
ด้านการรักษานกแร้งสีน้ำตาลหิมาลัย หลังทีมสัตวแพทย์ได้รับนกแล้วกลุ่มงานสุขภาพสัตว์ป่าตั้งข้อสันนิษฐานว่าน่าจะบินพลัดหลงมาเจอสภาพอากาศที่ไม่เหมาะสมทำให้ระบบทางเดินหายใจมีปัญหาอาการโคม่าเจ้าหน้าที่เวรได้ให้น้ำเกลือเข้าใต้ผิวหนังและทำการกกไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายและให้อยู่ในพื้นที่อากาศถ่ายเทต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 21 มกราคมสัตวแพทย์ประจำคลินิกสัตว์ป่า ได้ให้น้ำเกลือเข้าเส้นและฉีดยาบำรุงให้แก่สัตว์และได้ทำการเจาะเลือดส่งตรวจ ณ ห้องปฏิบัติการและวัดระดับของออกซิเจนในกระแสเลือดโดยใช้เครื่อง pluse oximeter พบว่านกแร้งสามารถยืนและเริ่มกินเนื้อหมูเองได้ และเมื่อวันอังคารที่ 22มกราคม ในช่วงเช้าได้ให้สารน้ำ วิตามิน ทางเส้นเลือดและกินซี่โครงไก่ นกแร้งสามารถจิก ฉีก เนื้อกินได้เองตามปกติปริมาณอ๊อกชิเจนในเลือดอยู่ในระดับปกติ
โดยในวันนี้ 23 มกราคม62 ทางทีมสัตวแพทย์ได้ดำเนินการชั่งน้ำหนัก วัดขนาดตัวตรวจสุขภาพ เก็บตัวอย่างเพื่อตรวจโรค ให้สารน้ำ อ๊อกซิเจน หยดยากำจัดพยาธิภายนอกและอาบแดด รวมถึงการปรับเปลี่ยนอาหารจากซี่โครงไก่เป็นเนื้อวัวสดคลุกกับวิตามินต่างๆ ถึงแม้ว่าแร้งจะลุกขึ้นยืนได้กินอาหารได้เองแล้ว ทางกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า ยังต้องดูแลอย่างใกล้ชิดและประสานงานการดูแลร่วมกันกับศูนย์ฟื้นฟูนกล่าเหยื่อคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (กำแพงแสน)ต่อไป