ประกอบกับศักยภาพการแข่งขันของประเทศต่างๆ ทั้งเวียดนาม กัมพูชา เมียนมา อินเดีย และจีน เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สวนทางกับไทยที่เริ่มมีปัญหาในการทำตลาดและเรื่องของสายพันธ์ที่ไม่หลากหลาย
สมาคมฯหวังว่านักการเมืองคงไม่มีนโยบายจำนำข้าว หรือพยุงราคาให้สูงเกินความเป็นจริงมาใช้ เพราะในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ราคาข้าวไทยและตลาดโลกไม่ขยับ เพราะทั่วโลกรู้ว่าไทยมีสต็อกข้าวจำนวนมหาศาล แต่เมื่อสต็อกหมด ราคาก็ทยอยปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ซึ่งปัจจุบันราคาปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 17,000-18,000 บาทต่อตัน และการใช้นโยบายด้านราคามากเกินไปในอดีตยังทำให้ข้าวไทยไม่พัฒนา ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านพัฒนาทั้งสายพันธ์และมูลค่าการส่งออก
หากนักการเมืองต้องการพัฒนาข้าวไทยและช่วยเหลือชาวนา สามารถใช้ยุทธศาสตร์การพัฒนาข้าวในระยะยาว หรือวิธีที่รวดเร็ว ด้วยการช่วยลดต้นทุนการผลิตของชาวนา เพราะนอกจากชาวนาจะได้กำไรแล้ว ยังไม่เป็นการทำลายกลไกตลาด และที่สำคัญไทยจะสามารถส่งออกข้าวไปต่างประเทศได้ด้วย
ปัจจุบันคุณภาพข้าวไทย โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิมีความหอมลดลง ขณะที่คู่แข่งพัฒนาได้ใกล้เคียงกับไทย เห็นได้จากค่าเฉลี่ยในการส่งออกข้าวทุกประเภทของไทยอยู่ที่ 505 ดอลลาร์ต่อตัน แต่เวียดนามมีราคาข้าวเฉลี่ย 510 ดอลลาร์ต่อตัน เพราะเวียดนามพัฒนาสายพันธ์หลากหลายจนเป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งราคาสูงกว่าข้าวขาวของไทย แต่ต่ำกว่าข้าวหอมมะลิ