9-7-61 Road To final

- "ฝรั่งเศส"ถึงเวลาไล่ล่าแชมป์โลกสมัย2 -
สำหรับทีมชาติฝรั่งเศส แม้จะเริ่มต้นไม่ค่อยสวยด้วยการยิงได้แค่ 3 ประตูตลอด 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม แต่ก็ยังสามารถคว้าแชมป์กลุ่มซีมาได้ด้วการมี 7 คะแนนจากสถิติชนะ 2 เสมอ 1 จากนั้นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ขุนพล "ตราไก่" ก็เริ่มโชว์ฟอร์มเก่ง ด้วยการชนะอาร์เจนติน่า 4-3 ต่อด้วยการเก็บชัยชนะเหนืออุรุกวัย 2-0 ในรอบก่อนรองชนะเลิศจากรอบน็อกเอ๊าต์ 2 นัดที่ผ่านมา ฝรั่งเศสถือได้ว่าเป็นทีมที่มีความหลากหลายในเกมรุกมาที่สุดในบรรดา 32 ทีมของศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นลูกเซตพีซหรือโอเพ่นเพลย์ การทำประตูได้ทั้งในกรอบและนอกกรอบเขตโทษ รวมถึงยังมีเกมสวนกลับเร็วเป็นทีเด็ดอีกอย่างหนึ่งด้วย ขณะที่ตัวกุนซือ ดีดิเย่ร์ เดสชองส์ ก็พิสูจน์แล้วว่ามีความสามารถในการแก้แท็กติกระหว่างเกมได้ดีไม่แพ้กุนซือรายอื่นๆ และเมื่อรวมกับขุมกำลังที่แข็งแกร่งและสามารถทดแทนกันได้ในทุกตำแหน่ง จึงไม่แปลกที่ฝรั่งเศสจะถูกยกให้เป็นเต็ง 1 ซึ่งหากพวกเขาผ่านด่านเบลเยี่ยมไปได้ ก็มีโอกาสสูงมากที่เราจะได้เห็นขุนพล "ตราไก่" คว้าแชมป์โลกได้เป็นสมัยที่ 2

- "เบลเยียม"กับบทพิสูจน์"ยุคทอง" -
ส่วนทางฝั่ง เบลเยี่ยม นับเป็นทีมที่ทำผลงานได้ร้อนแรงที่สุดนับตั้งแต่ศึกฟุตบอลโลกเปิดฉากขึ้น ด้วยการเก็บชัยชนะได้ทั้ง 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม ลอยลำเข้าป้ายในฐานะแชมป์กลุ่มได้อย่างสวยงาม ส่วนในรอบน็อกเอ๊าต์ก็เฉือนชนะญี่ปุ่น 3-2 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ต่อด้วยการโค่น บราซิล 2-1 ในรอบก่อนรองชนะเลิศพลพรรค "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" ชุดนี้ มีจุดเด่นที่ทีมเวิร์คอันยอดเยี่ยม และไม่ได้มีแค่ใครคนใดคนหนึ่งเป็นตัวชูโรง ดูได้จากการที่มีนักเตะถึง 9 คนในทีมชุดนี้ที่มีชื่อเป็นคนทำประตู แถมยังมีจังหวะการเซตเกมรุกที่น่าจับตา เพราะสามารถทำเกมบุกได้หลากหลายรูปแบบไม่แพ้คู่แข่งอย่างฝรั่งเศสเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นลูกกลางอากาศ การเลี้ยงผ่านคู่แข่ง รวมถึงลูกเซตพีซต่างๆ ยิ่งประกอบกับความมั่นใจที่มีเกินร้อยหลังจากโค่นทีมเต็งแชมป์อย่างบราซิลมาได้ในรอบที่ผ่านมา ก็น่าจะทำให้เบลเยี่ยมเริ่มมองไปถึงการคว้าแชมป์โลกกันแล้ว ซึ่งหากพวกเขาทำได้ก็จะเป็นบทพิสูจน์ที่เหมาะสมที่สุดกับคำว่า "ยุคทอง" ที่หลายคนขนานนามให้ จากการที่ทีมชุดนี้มีสุดยอดนักเตะอยู่ในชุดเดียวกัน และเป็นทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลของเบลเยี่ยมฝรั่งเศสกับเบลเยี่ยม ใครจะเป็นผู้คว้าชัย เราจะได้รู้กันในคืนวันอังคารนี้ ที่สนาม เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก สเตเดี้ยม เริ่มคิกออฟเวลา 01.00 น.