
แหล่งข่าวจากกองบังคับการตำรวจปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เปิดเผย "เนชั่นทีวี" ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตงบประมาณอุดหนุนบูรณะปฏิสังขรณ์วัด ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) 3 ประเภท คือ 1.เงินอุดหนุนบูรณะปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัด 2.เงินอุดหนุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และ 3.เงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา แผนกธรรมและแผนกบาลี หรือเงินทอนวัด ล็อต 4 ว่า หลังจากพนักงานสอบสวน ปปป. ได้เข้าหารือกับ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธธฒาสนาแห่งชาติ (พศ.) ขณะนี้ตำรวจทั้ง บก.ปปป ทั้ง 6 กองกำกับการ กำลังจะลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทางเงินทอนวัดในทุกภาคของประเทศ หลังจากสัปดาห์ที่แล้วสรุปจำนวนที่ 29 วัด ความเสียหาย 102 ล้านบาท
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ในส่วนกรุงเทพฯ มีวัด 3-4 แห่งที่อยู่ในข่ายการตรวจสอบของ กองกำกับการ 1 ประกอบด้วย วัดปากน้ำภาษีเจริญ วัดพิชัยญาติ และอีก 2 วัดยังไม่ขอเปิดเผย
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ในส่วนวัดปากน้ำภาษีเจริญ พนักงานสอบสวนพบว่า สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ. โอนเงินมาที่วัดจำนวนกว่า 10 ล้านบาท ทางวัดไม่ได้ระบุว่า งบดังกล่าวใช้ทำอะไร และในกรณีพนักงานสอบสวน.ปปป. เคยลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลความผิดปกติการใช้เงินของวัดปากน้ำภาษีเจริญ เมื่อปี 2560 ตอนนั้น ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า มีความผิดปกติหรือไม่ เนื่องจากยังต้องรอตรวจสอบ พระลูกวัด และเอกสาร บางส่วน ที่มีความเชื่อมโยงกับข้อมูลที่ได้รับแจ้งมาว่ามีความผิดปกติ
สำหรับการเข้าตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่าย ของวัดปากน้ำ เนื่องจากมีข้อมูลว่าการโอนเงินของวัดได้รับงบประมาณจาก พศ. กว่า10 ล้านบาท แนวทางตรวจสอบ พนักงานสอบสวน ปปป. จะดูว่าที่มาของเงินว่า มีการจัดทำโครงการของบประมาณอย่างถูกต้อง และนำไปใช้ตรงตามวัตถุประสงค์การของบหรือไม่
ส่วนวัดพิชยญาติการาม หรือ วัดพิชัยญาติ ก่อนหน้านั้น พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปปป. เดินทางไปวัดพิชัยญาติ ย่านฝั่งธนบุรี หลังพบข้อมูลว่าได้รับงบอุดหนุนวัดด้านบูรณปฏิสังขรณ์ จาก พศ. งบประมาณปี 2559 ประมาณ 2 ล้านบาท ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำ พระราชรัตนมุนี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพิชัยญาติการาม และเจ้าหน้าที่วัดที่ดูแลการเงินอีก 2 คน ขณะที่สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัด มีอาการอาพาธ
โดยพระราชรัตนมุนี ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ดี และให้ข้อมูลว่า วัด ได้รับงบอุดหนุนในโครงการต่างๆ จาก พศ. อาทิ โครงการเผยแพร่ศาสนา งบบูรณะปฏิสังขรณ์ และงบอื่นๆ อีก หลายงบ หลังได้งบแล้ว ได้มีเจ้าหน้าที่จาก พศ.มาขอเงินบางส่วนคืนไป
เบื้องต้นทราบว่ามีบุคคลที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ พศ. มาขอเงินงบเผยแพร่ศาสนา กับวัดพิชยญาติการาม คืนไปตั้งแต่ปี 2558 ประมาณ 5 ล้านบาท และปี 2559-2560 ขอเงินบูรณะปฏิสังขรณ์คืนไปประมาณ 1.5 ล้านบาท เงินจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ งบบูรณปฏิสังขรณ์ศูนย์ปฏิบัติธรรม และงบสนับสนุนเผยแผ่พระพุทธศาสนา
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. มีรายงานข่าวว่า พระราชรัตนมุนี (บุญเทียม มุสุ หรือบุญเทียม ญานินโท) เลขาฯสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะหนกลาง ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร ซึ่งถูกกล่าวหาในคดีเงินทอนวัดล็อตที่ 2 ได้หลบหนี และลาสิกขาไปแล้วนั้น
แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้รับการยืนยันที่แน่นอนว่า พระราชรัตนมุนี ได้ลาสิกขาไปจริงหรือไม่ เนื่องจากช่วงนี้ไม่พบพระราชรัตนมุนี อยู่ในวัด และจากการตรวจสอบไปยังวัดก็ได้รับการยืนยันว่าไม่เจอพระราชรัตนมุนี มาหลายวันแล้ว
ส่วนอีก 1 วัด พนักงานสอบสวน ปปป. เคยเข้าตรวจ คือ วัดราชสิทธาราม ได้รับงบประมาณจาก พศ. 1 ล้านกว่าบาท จากยอดโอนที่โอนมาจริง 5.7 ล้านบาท วัดได้นำมาสร้างศาลากรรมฐานใหม่เพื่อให้ญาติโยมมาปฏิบัติธรรม และส่วนที่ 2 นำมาปูกระเบื้องวัดใหม่หมด โดยเมื่อ ปี 2557-2559 ได้รับการติดต่อจากนาย "ว" ระบุมีงบประมาณให้ มีการโอนเงินเข้าบัญชีกองเผยแผ่ศาสนาของวัด และบัญชีส่วนตัวพระครูวิสุทธิวัฒนกิจ ประมาณ 3 ครั้ง ยอดรวม 5.7 ล้านบาท แต่ได้รับจริงเพียง 1 ล้านเศษ และที่เหลือ 4 ล้านบาท นาย "ว" เป็นผู้ทอนคืนไปทั้งหมด
แหล่งข่าวยังเปิดเผยด้วยว่า ยังมีอีก1วัดดังย่านสถานีรถไฟหัวลำโพง ที่ พนักงานสอบสวน ปปป.อยู่ในข่ายจะต้องตรวจสอบ ด้วย