ออกหมายจับ สารวัตรธุรการ สน.นิมิตรใหม่ หนีคำพิพากษาศาลฎีกา คดีใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ

เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2561 มีรายงานข่าวแจ้งว่า พ.ต.อ.สุรพล ก้อมน้อย ผกก.สน.นิมิตรใหม่ ได้ลงนามในหนังสือบันทึกข้อความ เรื่องการแก้ไขเลขที่หมายจับ และเลขคดีหมายเลขดำ กรณีรายงานการดำเนินการติดตามจับกุมตัว พ.ต.ท.ปัณณรุจน์ เรื่องเกษมสัณห์ สว.ธร.สน.นิมิตรใหม่ ตามหมายจับถึง พล.ต.ต.สมนึก น้อยคง ผบก.น.3 ได้สั่งการเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา สั่งการให้ติดตามจับกุมตัว พ.ต.ท.ปัณณรุจน์ ซึ่งเป็นจำเลย ศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 437/2558 ลงวันที่ 27 ก.ค.2558 คดีหมายเลขดำที่ 278/2558 คดีหมายเลขแดงที่ 579/2550 ในความผิดฐาน ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ , ความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม , ความผิดต่อร่างกาย , ความผิดต่อเสรีภาพ , ลักทรัพย์ , กรรโชก นั้น เบื้องต้นได้ดำเนินการตามคำสั่งแล้ว และได้ติดตามตัว พ.ต.ท.ปัณณรุจน์ ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถติดตามตัวได้ และในวันที่ 26 มี.ค.เวลา 10.00 น.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ปัณณรุจน์ ไม่เข้าร่วมประชุมประจำเดือนและไม่มาปฏิบัติหน้าที่ราชการ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.นิมิตรใหม่ ดำเนินการติดตามจับกุมตัวตามหมายจับ



ด้าน พล.ต.ต.สมนึก กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2547 ตั้งแต่เป็น รอง สว.กก.สส.บก.น.6 จับคดีเกี่ยวกับเรื่องต่างด้าว ก่อนหน้านี้ย้ายไปหลายที่ ก่อนจะมาถึงบก.น.3 โดยกรณีดังกล่าวมาถึง บก.น.3 ได้ประมาณ 3-4 วัน จึงได้ส่งเรื่องต่อให้ พ.ต.อ.ชาญวิทย์ พุ่มโพธิ์ รอง ผบก.น.3 ดำเนินการตรวจสอบ โดยให้ดำเนินการ 2 ส่วน คือ 1.ดำเนินการทางวินัย เนื่องจากศาลฎีกามีคำสั่งจำคุก ถือเป็นความผิดวินัยร้ายแรงตามกฎ ก.ตร. ให้เสนอพิจารณาไล่ออกจากราชการ โดยมีนายตำรวจดังกล่าวอยู่ในพื้นที่คนเดียว จากมีคนอื่นรวมด้วยอีกจำนวนหนึ่ง



ผบก.น.3 กล่าวต่อว่า จากสอบถามจากต้นสังกัด บก.น.6 ได้ตอบกลับมาว่า ยังไม่ได้มีการตั้งกรรมการแต่อย่างใด เนื่องจากผู้ต้องหายืนยันว่า ได้ปฏิบัติตามหน้าที่ รายงานตัวเป็นผู้ต้องหาคดีอาญา ทำเรื่องร้องขออัยการต่อสู้ทางคดีทุกศาล สุดท้ายศาลฎีกาพิพากษาจำคุก ทางกองคดีอาญาก็ส่งเรื่องมาให้ทาง บก.น.3 ดำเนินการ 2.ดำเนินการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยได้สั่งการให้ ชุดสืบสวน บก.น.3 และชุดสืบสวนสน.นิมิตรใหม่ ติดตามจับกุมตัว อย่างไรก็ตาม จะเสนอเรื่องให้ออกจากราชการให้ภายในวันที่ 30 มี.ค. ต่อไป


ด้านพ.ต.อ.ชาญวิทย์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นมากว่า 10 ปีแล้ว ภายหลังจากศาลฎีกามีคำสั่งพิพากษาจำคุก 4 ปี พ.ต.ท.ปัณณรุจน์ คดีจับกุมผู้ต้องหาต่างด้าวใช้พาสปอร์ต หรือหนังสือเดินทางปลอม ภายหลังทางผู้ต้องหาชาวต่างด้าวสู้คดีจนพ้นความผิด ก็ฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่กลับความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม ม.157 ต่อมาศาลฎีกาได้มีการอนุมัติหมายจับ ขณะนี้คาดว่าหน้าจะหลบหนีไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายคณะกรรมการกลั่นกรอง ได้มีการเตรียมเสนอยื่นเรื่องให้ พล.ต.ต.สมนึก พิจารณาไล่นายตำรวจดังกล่าวออกราชการอีกครั้ง



ด้านพ.ต.อ.สุรพล กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีลักษณะเดียวกับเรื่องเกี่ยวกับคดีสมัยเคยทำงานอยู่ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.6 ต้องสอบถามข้อมูลรายละเอียดคดีทางบก.น.6 โดยทาง พล.ต.ต.สมนึก ได้สั่งการให้ทำการตรวจสอบ พ.ต.ท.ปัณณรุจน์ ตามหมายจับ ส่วนการดำเนินการทางวินัยนั้น ถือว่ามีความผิดวินัยร้ายแรงตามคำสั่งศาล ซึ่งได้มีคำพิพากษาแล้ว ต้องให้ทางผู้บังคับบัญชาพิจารณา ทั้งนี้ คาดว่าน่าจะหลบหนีไปแล้ว