เจ้าหน้าที่ใช้เวลาเพียง 1 เดือน ก็พบการทุจริตจำนวนกว่า 100 ล้านบาท คิดเป็น 85% ของงบศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งทั่วประเทศ เรียกได้ว่าไปที่ไหนก็พบร่องรอยการทุจริตที่นั่น
จังหวัดที่ตรวจสอบพบความผิดปกติที่ผ่านมามีจำนวน 44 จังหวัด วันนี้เพิ่มเป็น 49 จังหวัด คือ ศรีสะเกษ กำแพงเพชร พังงา สกลนคร และจันทบุรี นอกจากนั้นยังมีการทุจริตเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่งในส่วนของนิคมสร้างตนเองอีก 2 แห่ง ที่จังหวัดอุดรธานี และขอนแก่น โดยคณะกรรมการ ป.ป.ท. รับไว้ไต่สวนข้อเท็จจริง 7 จังหวัด ประกอบด้วย ขอนแก่น เชียงใหม่ บึงกาฬ หนองคาย สุราษฎร์ธานี ตราด น่าน และเตรียมส่งเรื่องเพิ่มอีก 27 จังหวัด
แผนประทุษกรรมการทุจริตทั้งของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง 49 จังหวัด และนิคมสร้างตนเองอีก 2 จังหวัด ล้วนมีพฤติกรรมคล้ายคลึงกัน คือปลอมเอกสารการเบิกเงินทั้งหมด โดยผู้มีรายชื่อไม่ได้รับเงินเลย หรือปลอมเอกสารบางส่วน แต่ผู้มีรายชื่อก็ไม่ได้รับเงินเช่นกัน หากได้รับก็รับเพียงบางส่วน และสุดท้ายคือผู้ที่ได้รับเงินมีคุณสมบัติไม่เข้าหลักเกณฑ์ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความพยายามล็อบบี้ชาวบ้านให้บอกกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ว่าได้รับเงินครบถ้วนแล้ว เพื่อเอาตัวรอดให้พ้นผิด
ข้อมูลจาก ป.ป.ท. ระบุว่า นิคมสร้างตนเองที่เป็นเป้าหมายในการตรวจสอบ ได้รับงบประมาณเกิน 5 ล้านบาททั้งสิ้น อย่างนิคมสร้างตนเองเชียงพิณ จังหวัดอุดรธานี งบประมาณ 7,030,000 บาท นิคมสร้างตนเองห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี งบประมาณ 5,030,000 บาท นิคมสร้างตนเองเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น งบประมาณ 11,700,000 และนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ จังหวัดสตูล งบประมาณ 10,980,000 บาท พฤติการณ์ที่ตรวจสอบพบก็คล้ายๆ กับศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง แต่มีลักษณะมุ่งเน้นให้เงินทุนกลุ่มวิชาชีพมากกว่า และมีการเบิกสงเคราะห์หลายครั้งต่อปี
ข้อมูลเชิงลึกที่ทีมล่าความจริงได้รับก็คือ สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เลือกตรวจสอบนิคมสร้างตนเองในพื้นที่ภาคอีสานก่อน นอกจากเป็นเพราะงบประมาณการเบิกจ่ายอยู่ในระดับสูง 5-10 ล้านบาทแล้ว ยังพบว่าอดีตผู้ปกครองนิคม และอดีต ผอ.ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งในพื้่นที่แถบนี้ ล้วนเติบโตไปดำรงตำแหน่งสำคัญในกระทรวง พม.ทั้งสิ้น จึงเชื่อว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับการ "ส่งส่วยเงินทอน" แลกกับตำแหน่งหน้าที่ราชการ
วิธีการทอนเงินมี 2 วิธี วิธีแรก คือการถือเงินสดไปให้กับข้าราชการระดับสูงในกระทรวง พม. กับอีกวิธีหนึ่ง คือการโอนผ่านบัญชีธนาคารของลูกน้องคนสนิทของข้าราชการระดับสูงในกระทรวง พม.
ข้อมูลจากแหล่งข่าวยังพบว่า ขณะนี้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่และข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องจำนวน 40 คน พบพิรุธที่ข้าราชการระดับ ซี 10 ของกระทรวงง พม.คนหนึ่ง มีเงินโอนเข้าบัญชีหลักล้านบาท หลายครั้งในช่วงสิ้นเดือนกันยายนปีที่แล้ว ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่กระทรวง พม.มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกันด้วย จึงน่าเชื่อว่าเงินก้อนนี้อาจเป็น "เงินคนจน" ที่อาจถูกยักยอกมาใช้สำหรับการซื้อขายตำแหน่ง