รองอธิบดีกรมป่าไม้ นายอรรถพล เจริญชันษา จากการตรวจสอบข้อมูลพื้นที่สวนยางพาราทั้งประเทศมี 30 ล้านไร่ แบ่งเป็นในเขตพื้นที่ป่าไม้ 8.5 ล้านไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ 5.2 ล้านไร่ รวมเป็นของนายทุน 1.32 ล้านไร่ นอกจากนี้ ยังมีสวนยางพาราอยู่ในพื้นที่ป่าไม้ปี 2484 และอื่นๆ อีก 2 ล้านไร่ ทำให้ส่งผลกระทบต่อความสมดุลทางธรรมชาติและระบบนิเวศโดยรวมของประเทศ เช่น ภัยแล้ง อุทกภัย ดินโคลนถล่ม น้ำป่าไหลหลาก
ประกอบกับ ขณะนี้ราคายางพาราลดลงอย่างมาก สาเหตุหลักมาจากมีปริมาณน้ำยางพาราเข้าสู่ระบบมากเกินไป จนสร้างความเดือนร้อนให้เกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศ รัฐบาลจึงเร่งแก้ปัญหาบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อปลูกยางพารา และลดปริมาณน้ำยางพาราจากพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุก โดยเน้นดำเนินคดีกับกลุ่มนายทุน ถือเป็นมาตรการเร่งด่วนควบคุมจำกัดปริมาณน้ำยางที่ปลูกในพื้นที่ป่าที่จะเข้าสู่ระบบ 300,000 ตันต่อปี ควบคู่กับแก้ปัญหากลุ่มราษฎรผู้ยากไร้ โดยขณะนี้กรมป่าไม้ และการยางแห่งประเทศไทย เร่งสำรวจการถือครอบครองเพื่อให้ได้ข้อมูลนำไปจัดที่ดินทำกินตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.)