แถลงจับกุมนายบรรพต โอมหรืออาร์ม ถิ่นวงษ์ม่อม อายุ 26 ปี พร้อมของกลาง กระเป๋าถือแบบสตรีแบรนด์ดัง ยี่ห้อต่างๆ 10 ใบ แหวนพลอย 1 วง หมวกกันน็อคแบบเต็มใบ สีดำ-เขียว 1 ใบ เสื้อแจ๊คเก็ต 3 ตัว โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ประแจเบอร์ 10 และกล่องเครื่องมือ โดยจับกุมได้ที่ บริเวณชุมชนศรีบุญยืน แขวงและเขตบางซื่อ กรุงเทพฯ
พ.ต.อ.เสนิต กล่าวว่า สืบเนื่องจากในห้วงเวลา 30 วัน ตั้งแต่ 1 ตุลาคม ถึง 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์ในลักษณะเดียวกัน มีผู้เสียหายเป็นสตรีหลายราย กว่า 11 คดี ในท้องที่ต่างๆ อาทิ ครั้งที่ เมื่อต้นเดือน ตุลาคม บริเวณทางเท้า ถนนกำแพงเพชรด้านหน้าตลาดนัดจตุจักร ครั้งที่ 2 บริเวณทางเท้า ถนนพหลโยธิน ใกล้ซอยอารีย์ เรื่อยมาอีก 7 ครั้งในท้องที่ต่างๆ ตลอดทั้งเดือน ตุลาคม กระทั่งได้ชิงทรัพย์เจ้าหน้าที่รายการสถานีโทรทัศน์ช่อง5 เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน บริเวณทางเท้าหน้า ททบ.5 ได้เงินสดจำนวน 2 พันบาท และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ได้ชิงทรัพย์ บริเวณทางเท้า ถนนลาดพร้าว หน้าซอยลาดพร้าว 20 ได้เงินสด 2 หมื่นบาท และโทรศัพท์ 2 เครื่อง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด รวบรวมพยานหลักฐานจนขออนุมัติศาลออกหมายจับคนร้ายรายดังกล่าวได้ คือนายนายบรรพต โอมหรืออาร์ม ถิ่นวงษ์ม่อม อายุ 26 ปี และจับกุมได้บริเวณชุมชนศรีบุญยืน แขวงและเขตบางซื่อ กรุงเทพฯ และขยายผลไปค้นห้องพักย่านบางซื่อ ได้ของกลางเป็นกระเป๋าสะพายแบบผู้หญิงยี่ห้อต่างๆ และหมวกกันน็อก เสื้อแจ๊กเก็ท ที่ใช้ก่อเหตุ จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง
สอบสวนนายบรรพต ให้การรับสารภาพว่า ตนเพิ่งสึกจากพระภิกษุเมื่อต้นเดือน ตุลาคม ที่ผ่านมา เนื่องจากว่างงาน จึงได้ก่อเหตุดังกล่าว โดยขับรถตระเวนดูลาดเลา หาเหยื่อที่เป็นสุภาพสตรีที่สะพายกระเป๋าไม่ระมัดระวัง ก่อนลงมือก่อเหตุขับรถจักรยานยนต์ขึ้นฟุตบาท กระชากทันที และขับรถหลบหนี นำทรัพย์สินไปขาย และนำเงินไปซื้อยาเสพติด ทั้งนี้ก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้ว 11 ครั้ง ในพื้นที่ พหลโยธิน สุทธิสาร และลาดพร้าว จากการตรวจสอบประวัติเคยก่อคดีในท้องที่ สน.เตาปูน ตั้งแต่ปี 51,54,55,และ59 ทั้งคดียาเสพติด ลักทรัพย์ และ ชิงทรัพย์ เบื้องต้นแจ้งข้อหานายบรรพต วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยาคนพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส นำตัวส่ง สน.ดินแดง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวว่า ได้กำชับไปยังทุกสถานีตำรวจในกรุงเทพมหานคร ว่า ให้รับคำร้องทุกข์เกี่ยวกับคดีวิ่งราวทรัพย์ และ ชิงทรัพย์ เพื่อติดตามและขยายผลคนร้ายมาดำเนินคดี อีกทั้งมาตรการป้องกันได้สั่งการในทุกพื้นที่ให้เพิ่มกำลังสายตรวจ รถจักรยานยนต์และเดินเท้า เพื่อเฝ้าระวังป้องกันเหตุอาชญากรรม
ขณะที่ น.ส.อภิชญา ก้อนแก้ว หรือมิงค์ เจ้าหน้าที่รายการสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า รู้สึกประทับใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ของตนไป เมื่อคืนวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เพราะตามปกติแล้ว ก็จะใช้ทางเท้าเดินทางกลับที่พักอยู่เป็นประจำกว่า 2 ปี ไม่เคยพบเหตุลักษณะนี้มาก่อน ยืนยันว่าเส้นทางที่ใช้สัญจรไม่เปลี่ยว มีแสงสว่างเพียงพอ ส่วนพื้นที่ละแวกนั้น จะเคยมีการก่อเหตุมาก่อนหรือไม่นั้น ตนเองไม่ทราบ จนกระทั่งมาเกิดเหตุกับตัว ก็ถือว่าเป็นการฟาดเคราะห์ ก่อนจะถึงในงานมงคลสมรสของตัวเองเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดความกังวลในพิธีมงคลสมรส ซึ่งก็ถือว่าเรื่องร้ายๆ ก็ได้ผ่านไปแล้ว และช่วงเช้าก็ได้ไปทำบุญพร้อมครอบครัว โดยขอยังฝากเตือนไปยังสุภาพสตรีให้ระมัดระวังการเดินทางหรือเพิ่มความระมัดเมื่ออยู่ในที่สุ่มเสี่ยง เพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของตัวเอง