นางนันทา อัมพรมหา อายุ 70 ปี กล่าวว่า ตั้งใจมากราบสักการะทั้ง 2 วัดเลย ซึ่งก็มาครบแล้ว โดยแต่ละครั้งที่มากราบพระบรมราชสรีรางคาร ก็นึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ตลอดเวลา ส่วนตัวเคยได้เฝ้าเสด็จแล้วได้กราบแทบพระบาทพระองค์แล้ว ยังจำความรู้สึกนั้นได้เป็นอย่างดี ที่เรารักพระองค์มาก เพราะท่านเปรียบเหมือนเทวดาที่มาโปรดเพื่อพสกนิกรชาวไทยอย่างแท้จริง ดังนั้นการเดินทางมาในวันนี้ตนจึงไม่รู้สึกลำบากแต่อย่างใด เพราะเรามาด้วยใจศรัทธาที่มีต่อพระองค์
นางอุทัย ปิยะกมลานนท์ อายุ 55 ปี กล่าวว่าวันนี้ตั้งใจมากราบพระบรมราชสรีรางคาร ในหลวงรัชกาลที่ 9 กับครอบครัว ซึ่งที่ผ่านมาครอบครัวตนก็เคยมีโอกาสได้กราบพระบรมศพ ที่พระบรมมหาราชวังมาแล้ว โดยตนมีความรักต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 มาก ๆ แม้ว่าบรรพบุรุษตนจะเป็นคนจีนที่มาตั้งถิ่นฐานในไทย แต่พ่อแม่ของตนก็สอนให้รู้จักท่าน โดยพระองค์ทรงงานหนักเพื่อประชาชนอย่างมากมาย และมองประชาชนทุกๆคนเหมือนลูกของท่าน
"สิ่งที่เราทำได้นอกจากนี้เพื่อพระองค์ ก็คือการทำตามคำสอนของท่าน ถ้ามีโอกาสก็จะบอกเรื่องราวและพรพราชกรณียกิจของพระองค์ ให้ลูกหลานได้รู้ต่อไปเพื่อให้เขาได้รู้ว่าครั้งหนึ่งเคยมีพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 ทรงงานหนักเพื่อประชาชน"นางอุทัยกล่าว
ดาบตร.หญิงสุภาพร ทิพย์อุทัย อายุ 46 ปี กล่าวว่า ขณะที่กล่าวว่าความรู้สึกที่ได้มากราบพระบรมราชสรีรางคาร วันนี้เหมือนกับตอนที่กราบพระบรมศพของท่าน เป็นความรู้สึกที่ตื้นตันใจปนเสียใจอย่างบอกไม่ถูก อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ ตนมีความรักท่านเป็นอย่างมาก เพราะพระองค์ทรงงานเพื่อคนไทยอย่างไม่หยุดและทรงใกล้ชิดกับพสกนิกรอย่างไม่ถือพระองค์และยังทรงเสด็จไปยังถิ่นทุรกันดาน เพื่อพัฒนา
"ในหลาย ๆ ที่ ที่พระองค์เสด็จไปนั้น ไม่ใช่พัฒนาแล้วค่อยไปแต่ทรงเสด็จไปในขณะที่ยังเดินทางลำบาก เพื่อไปช่วยเหลือประชาชน ทำให้ตนรู้สึกผูกพันธ์กับท่านเป็นอย่างมากซึ่งหน้าที่ของเราต่อจากนี้คือการเป็นคนดีนามคำสอนของท่าน มีโอกาสก็จะช่วยเหลือคนอื่น ๆ ด้วย " ดาบตร.หญิง.สุภาพร กล่าว