วงจรปิดจับภาพ คนร้ายขับตระเวน ใช้ลูกดอกไล่ยิงฆ่าสุนัข

จากกรณีที่ สังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์คลิปวิดีโอพร้อมข้อความจากเพจเฟซบุ๊ก "WATCHDOG THAILAND" ที่ออกมาเผยแพร่เรื่องราวน่าหดหู่แก่คนรักสุนัข ที่ออกบอกเล่าพฤติกรรม ว่า ในบริเวณพื้นที่ ม.6 ซ.เทศบาล7/3 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี มีกลุ่มคนร้ายเป็นชาย-หญิง ตระเวนขับรถใช้ลูกกดอกไล่ยิงสุนัข ก่อนสุนัขจะวิ่งหนีไปตาย พร้อมกับประกาศว่า ขณะนี้มีองค์กรไม่ประสงค์ออกนามตั้งรางวัลให้แก่ผู้พบเห็น หรือแจ้งเบาะแส ผู้ก่อเหตุดังกล่าว

ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 9 ส.ค. 2560 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปติดตามเรื่องดังกล่าว ซึ่งก็ได้พบกับเจ้าของคลิป น.ส.เล็ก (ไม่ขอเปิดเผยชื่อและนามสกุล) เปิดเผยว่า สำหรับหมาจรจัด ดังกล่าว จะมีด้วยกันทั้งหมด 3 ตัวด้วยกัน เป็น ดำ สุนัขเพศเมีย, หูตั้ง สุนัขเพศผู้, และขาว สุนัขตาบอด ซึ่งตนเป็นดูแลหมาจร ในบริเวณดังกล่าวมาเป็นเวลานาน ให้ข้าวให้น้ำ ทำหมันฉีดวัคซีน จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. ของวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ซึ่งได้มีกลุ่มคนร้าย ใช้รถปิคอัพไม่ทราบทะเบียนออกไล่ล่า โดยใช้อาวุธปืนยิงลูกดอกใส่หมาจรจัดจำนวน 2 ตัว ประกอบด้วย ดำ สุนัขเพศเมีย, หูตั้ง สุนัขเพศผู้ จนเสียชีวิตในเวลาต่อมาด้าน น.ส.เล็ก กล่าวต่ออีกว่า หลังจากที่ทราบเรื่องว่าสุนัขจรจัดที่คอยดูแลเสียชีวิต ก็ได้ออกติดตามหาเบาะแส จนทราบว่ามีคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดมาจากร้านอาหารในบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ สามารถบันทึกเหตุการณ์ในขณะที่คนร้ายก่อเหตุได้ โดยในภาพจะพบว่ามีรถปิคอัพ ขับมาจอดหน้าร้าน ฝั่งคนขับอาจจะเป็นหญิง แต่ด้านคนนั่งเป็นชายแน่ เปิดกระจก เล็งมาที่หมาซึ่งกำลังนอนหลับอยู่ จึงหนีไม่ได้และไม่ทันตั้งตัว จนหมาจรจัดวิ่งหนีไป แต่คนร้ายก็ยังไม่ลดละความพยายาม รีบกลับรถไปจอด แล้ววิ่งลงมาตรงที่สุนัขที่วิ่งหนีไป จากนั้นก็มองไม่เห็นอะไรอีกด้าน พ.ต.อ.เรืองศักดิ์ บัวแดง ผกก.สภ.ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เปิดเผยว่า หลังจากได้รับเรื่องร้องทุกข์จากผู้เสียหายก็ได้สั่งการให้ทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำ พร้อมทั้งลงพื้นที่ไปชี้จุดเกิดเหตุ เบื้องต้นได้ทำการประสานให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่สอบปากคำพยานแวดล้อม พร้อมทั้งระดมกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดละแวกที่เกิดเหตุ เพื่อหาเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายอย่างไรก็ดี ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ได้มาส่วนใหญ่นั้นมีคุณภาพต่ำ รวมทั้งเวลาที่เกิดเหตุค่อนข้างมืดทำให้ยากต่อการมองเห็น ซึ่งต้องรอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดจากบริษัทห้างร้านรายอื่นๆ อีกทั้งจากการลงพื้นที่สอบปากคำพยานแวดล้อมยังให้การไม่ตรงกัน อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ต้องขอเวลาในการทำงานสักระยะ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งรัดติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป