ผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอนเพิกถอนสวนป่า 400 ไร่

ที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 สาขาแม่ฮ่องสอน วันที่ (4 ก.ค.) รองอธิบดีกรมป่าไม้ นายอรรถพล เจริญชันษา ผบ.สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผบ. ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 สาขาแม่ฮ่องสอน นายมานพ สายอุ่นใจ รักษาการทสจ.แม่ฮ่องสอน นายคำนึง คำอุดม ร่วมรับฟังข้อสรุปการตรวจสอบสภาพปัญหาการใช้เอกสารสิทธิปลอม นำมาขอขึ้นทะเบียนสวนป่าโดยมิชอบ
นายคำนึง สรุปผลตรวจสอบแปลงแรกของนางทองใส ญาณวุฒิ อยู่ติด รร.อิมพีเรียลแม่ฮ่องสอน ตามโฉนดเลขที่ 758 เนื้อที่ 8 ไร่ นำมาขอขึ้นทะเบียนสวนป่าเมื่อปี 2536 ในระหว่างรออนุญาตจากผู้ว่าฯ นางทองใส ตัดไม้สักในพื้นที่ติดถนนหลวง และแบ่งที่ดินขายให้กับหน่วยงานของรัฐคือองค์การโทรศัพท์ และประชาชนทั่วไป ในจำนวนนี้มีอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ด้วย
นายคำนึง เปิดเผยด้วยว่า สำหรับที่แปลงนี้ กรมที่ดิน สั่งเพิกถอนโฉนดไปแล้ว ที่ดินอยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้และต่อมานางทองใส รวมถึงทายาทอดีตรัฐมนตรี ซึ่งปัจจุบันเป็นรองผู้ว่าจังหวัดหนึ่ง ยื่นฟ้องกรมที่ดิน ขอให้ศาลปกครองเพิกถอนคำสั่ง จังหวัดจึงเข้าดำเนินการใดๆ ไม่ได้
รองอธิบดีกรมป่าไม้ สรุปความเห็นในกรณีที่ดินนางทองใส ให้ป่าไม้นำป้ายไปปักแสดงแนวเขตเพื่อให้ผู้ครองครองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ส่วนการฟ้องศาลปกครอง ไม่มีผลยับยั้งการปฏิบัติหน้าที่ตราบใดที่ยังไม่มีคำพิพากษา ส่วนการดำเนินคดี ต้องดูเจตนาของผู้ครอบครองด้วย ว่าซื้อมาโดยบริสุทธิ์ใจหรือไม่
พ.ต.ท.ประวุธ เปิดเผยว่า ดีเอสไอ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ว่า มีแปลงที่ดินใกล้ๆ นางทองใส น่าจะออกมาจากใบจองเดียวกัน จึงขอให้ป่าไม้ ตรวจสอบไปพร้อมกันด้วย
สำหรับแปลงต่อมา ที่ดินของนางจตุพร กวีวัฒน์ ตามโฉนดที่ 8436 เนื้อที่ 1 ไร่ แจ้งว่าทำสวนป่า แต่กลับเป็นไม้สักขึ้นเองตามธรรมชาติ 11 ต้น กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พบ ว่า โฉนดอยู่ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2557 ที่ดินจังหวัดแม่ฮ่องสอน แจ้งว่าการออกโฉนด ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
พ.ต.ท.ประวุธ ระบุว่า ที่ดินแปลงนี้ดีเอสไอ มองเจตนาเจ้าหน้าที่ว่ารู้กันหรือไม่ที่ยอมให้ขึ้นทะเบียนสวนป่า เพราะเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ประกาศมาตั้งแต่ปี 2515 และมีโรงเลื่อยจากจ.เชียงใหม่ รีบตัดไม้ทั้ง 11 ต้น ไป โดยมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งดีเอสไอ จะสอบสวนในประเด็นนี้ด้วย 
ขณะที่ที่ดินแปลงสุดท้าย อยู่ในเขต อ.ขุนยวม เป็นของนายวิสุทธิ์ บุรุษภักดี นำเอกสารหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ต.เมืองปอน อ.ขุนยวม จำนวน 14  แปลง เนื้อที่ 391 ไร่ มาขอจดทะเบียนสวนป่า เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2536 มีไม้ที่ขอขึ้นทะเบียน 156,200 ต้น ผู้ว่าราชการ จ.แม่ฮ่องสอน รับขึ้นทะเบียนสวนป่า เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2537 และนายวิสุทธิ์ นำที่ดินไปขอกู้เงินจาก ธกส.
นายคำนึง สรุปการตรวจสอบ ว่า พื้นที่ขึ้นทะเบียนเป็นสวนป่า อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ยวมฝั่งซ้าย 10แปลง เนื้อที่ 278 ไร่ ครอบคลุมไม้ 111,100 ต้น และอยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ 4 แปลง เนื้อที่ 112 ไร่ ไม้ 40,000 ต้น ต่อมาศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีคำพิพากษา ปี 2538 และ 2546 ว่าน.ส.3 ก ที่ออกโดยนายชาติชาย ศรีชนบท เจ้าหน้าที่ที่ดินขุนยวม ออกให้กับนายวิสุทธิ์ เป็นเอกสารปลอม ปัจจุบัน นายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน สอบถามอัยการ เพื่อความรอบคอบ และคาดว่าจะยกเลิกทะเบียนสวนป่าทั้ง 14 แปลง เนื้อที่ 391 ไร่ ในสัปดาห์นี้  
นายอรรถพล ให้แนวทางด้วยว่า ชาวบ้านที่อาศัยในแปลงที่ดินนายวิสุทธิ์ จำนวน 36 ครอบครัว จะต้องแจ้งให้ทราบว่าอยู่ในเขตป่า และถ้าเป็นนอมินีนายทุน จะแจ้งความดำเนินคดี แต่ถ้าเป็นชาวบ้านทั่วไปจะให้สิทธิทำกิน บนเงื่อนไขห้ามบุกรุกป่าใหม่
นายมานพ ระบุว่า ได้ประกาศให้ประชาชนที่ทำกิน มาแสดงตัว ภายในวันที่ 15 ก.ค.ถ้าเป็นชาวบ้านผู้ยากจน จะเข้าเงื่อนไขตามประกาศ คสช. ในการจัดสรรให้มีที่ทำกิน
ในช่วงบ่าย นายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ เป็นประธานรับฟังสภาพปัญหา โดยให้เวลา 30 วันสรุปตัวเลขการขึ้นมะเบียนสวนป่าทั้งหมด ส่วนแปลงของนายวิสุทธิ์ จังหวัดมีมติเพิกถอนคำขอขึ้นทะเบียนสวนป่าทั้ง 391 ไร่ 
พ.ต.ท.ประวุธ กล่าวว่า หลังจากดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษแล้ว จะเสนออธิบดีดีเอสไอ ออกหมายจับนายวิสุทธิ์ และจะเรียกธกส.มาให้ข้อมูลตัวเลขความเสียหายที่นายวิสุทธิ์ นำเอกสารสิทธิปลอมมาขอกู้เงินจากธนาคาร