บุกรุกพื้นที่ก่อสร้างสนามบินพังงา

นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าฯ พังงา บอกว่า บริเวณที่เอกชนขอเช่าใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ก่อสร้างสนามบินพาณิชย์ เป็นทำให้เกิดการถกเถียงกันในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการขอใช้พื้นที่ป่า

ผู้สื่อข่าวจึงได้นำอากาศยานไร้คนขับบินขึ้นสำรวจ พบ พื้นที่เป็นจำนวนมากได้เปลี่ยนสภาพความเป็นป่า กลายเป็น บ้านเรือน สวนพืชผลทางการเกษตร บางส่วนเคยเป็นเหมืองแร่ บางส่วนยังคงมีการทำเหมืองทรายในพื้นที่คาบเกี่ยวป่าคลองทุ่งมะพร้าว โดยยังไม่พบการฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรมให้กลับมาคงสภาพความเป็นป่า

นายปฎิพัทธ์ วาหะรักษ์ บอกว่า ชาวบ้านที่เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่ ม.4 บ.ท่าดินแดง เริ่มตั้งแต่ พ.ศ.2480 เป็นต้นมา ในสมัยนั้นชาวบ้านไม่ได้มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยพอที่จะสามารถล้มป่าได้แต่อย่างใด แต่พบว่าพื้นที่ป่าได้โดนทำลายมาตั้งแต่ยุคเหมืองแร่ พายุพัดถล่ม จึงทำให้เกิดความเสื่อมโทรมขอป่า จากนั้นชาวบ้านจึงเริ่มเข้ามาใช้พื้นที่เพื่อทำมาหากิน ซึ่งพบว่าในส่วนของชาวบ้านมีจำนวนไม่กี่ไร่ เมื่อเทียบกับพื้นที่ของนายทุนที่มีเจ้าละ 200-300 ไร่ ซึ่งพบว่าเป็นการปลูกปาล์มและยางพารา ส่วนคนในชุมชนนั้น จะปลูกพืชผักสวนครัวเพื่อส่งออกไปขายในพื้นที่ 3 จังหวัดอันดามัน

ส่วนประเด็นที่รัฐจะให้เอกชนเข้ามาขอใช้พื้นที่ ป่าสงวนฯ คลองทุ่งมะพร้าว เพื่อก่อสร้างสนามบินนั้น กระทบต่อชุมชนในหลายด้าน ทั้งพื้นที่ทำกิน ความเป็นอยู่ วิถีชีวิต และสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่เทียบเท่ากับความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ซึ่งปัจจุบัน กลุ่มชาวบ้านได้ทำอาชีพเสริมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งเป็นการทำการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาส่วนใหญ่เพื่อค้นหาความสงบและความเป็นธรรมชาติ หากเกิดมีสนามบิน จะเกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์อย่างแน่นอน