บุกเหมือง 'ชาดา ไทยเศรษฐ์' ที่อุทัยฯ

เช้าวันนี้ (15 มิ.ย.) พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นำสนธิกำลังระหว่างเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ โดยพ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีดีเอสไอ ชุดพยัคฆไพร โดยนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ในฐานะหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ รองเลขาธิการ ป.ป.ท. พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ทหาร และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบกรณีกลุ่มทุนผู้มีอิทธิพล ในพื้นที่จ.อุทัยธานี บุกรุก ยึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าไม้ ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ด้วยการทำเหมืองในเขตที่ดิน นส 3 ก ที่สปก. และพื้นที่ใกล้เคียง

จากการตรวจสอบเบื้องต้น เอกสาร นส 3 ก ดังกล่าวมาจาก สค 1 จำนวน 11 แปลง เนื้อที่ 150 ไร่ แต่เมื่อนำไปออก นส 3 ก กลับมีเนื้อที่เพิ่มเป็น 500 ไร่ โดยมีชื่อของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต ส.ส.อุทัยธานี เป็นผู้ยึดถือครอบครอง และเมื่อตรวจสอบต่อไปที่ภาพถ่ายทางอากาศ เมื่อปี 2496 ไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์ที่สอดคล้องกับการออกเอกสารสิทธิที่ดินดังกล่าว คาดว่า เป็นการออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

โดยเช้าวันนี้ 07.00 น.จะประชุมวางแผนที่สภ.บ้านไร่ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี และลงตรวจสภาพบ้านที่เหมือง ตั้งอยู่ที่บ้านบุ่ง อำเภอบ้านไร่ จ.อุทัยธานี

นายชาดา สานต่อธุรกิจเนื้อของตระกูล โดยเขาเป็นหัวเรือใหญ่ส่งเนื้อขายที่ตลาดอุทัยธานี พร้อมกับมีชื่อเสียงว่าเป็นบุคคลประเภท "ใจถึง พึ่งได้" จนเป็นที่รู้จักไปทั่วจ.อุทัยธานี และเริ่มหันไปทำธุรกิจทำเหมืองหิน รับเหมาก่อสร้าง โรงแรม รวมถึงเป็นนายหน้าค้าที่ดิน แล้วจึงเริ่มเข้าวงการการเมือง โดยการรวมกลุ่มกับตระกูล "เหลืองบริบูรณ์" หนึ่งใน 6 ตระกูลชื่อดังของเมืองอุทัยธานี

นายชาดา ยังทำเหมืองแร่ เมื่อ 2548 หลังจากที่พ้นผิด ศาลยกฟ้องในคดีจ้างวานฆ่า "สมเกียรติ จันทร์หิรัญ" เลขานุการ "ประแสง มงคลศิริ" ส.ส.พรรคไทยรักไทย โดย นายชาดา ขออนุญาตทำแร่ในที่ดินของตนเอง ประเมินมูลค่าหลายร้อยล้านบาท

หลังรัฐประหาร 2557 ชาดา ตกเป็นเป้าของ คสช. ในฐานะ "ผู้มีอิทธิพล" ในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี โดยในรอบ 3 ปี เขาถูกตำรวจบุกค้นบ้านมาแล้ว 5 ครั้ง ในยุทธการสะแกกรัง ปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างในจังหวัดอุทัยธานี 11 จุด

ครั้งที่สอง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายผู้มีอิทธิพลละเมิดกฎหมาย รวมถึงบ้านพักนายชาดาครั้งที่สาม เมื่อมีนาคมที่ผ่านมาในยุทธการไพร่ฟ้าหน้าใส ตรวจค้นผู้มีอิทธิพลในจังหวัดอุทัยธานี 30 จุด และไม่พลาดที่จะค้นบ้านของนายชาดาอีกครั้งครั้งที่สี่ 27 พฤษภาคม ตำรวจไล่ล่าสกัดขบวนรถยนต์ของนายชาดา ขณะขับอยู่บนถนนทางหลวงรวม 8 คัน ก่อนมีการตรวจค้นพบอาวุธ 6 กระบอก และยาอีจำนวนหนึ่ง

ครั้งนี้เป็นครั้งที่ห้า ที่นายชาดา โดนตรวจสอบในฐานะผู้มีอิทธิพลบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ