
แม้จะมีภาพลักษณ์เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ พาทีมงานไปเที่ยวด้วยเครื่องบินส่วนตัว ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือในสายตาผู้ร่วมลงทุนได้ไม่น้อย หากแต่ประวัติที่ผ่านของของ ซินแสโชกุน หรือ พสิษฐ์ อริญชญ์ลาภิศ กลับเต็มไปด้วยความไม่ชอบมาพากล
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า บริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 25 ม.ค.2560 หรือ เมื่อ 3 เดือนก่อน ทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท มีที่ตั้งอยู่ใน อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ หมวดธุรกิจ การขายส่งเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกแฮอล์ วัตถุประสงค์ ประกอบกิจการและจำหน่าย นำเข้า-ส่งออก น้ำดื่ม ชา กาแฟ มี น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ เป็นกรรมการบริษัท
ขณะที่การตรวจสอบทะเบียนการประกอบธุรกิจขายตรง พบว่าบริษัท เวลท์เอเวอร์ ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจขายตรงจาก สคบ. อีกทั้งการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการนำเที่ยว ต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 ซึ่งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 ไม่สามารถรับจดทะเบียนให้ประกอบธุรกิจขายตรงได้
น.ส.พสิษฐ์ เปลี่ยนชื่อและนามสกุลมาแล้วรวม 10 ครั้ง โดยมีชื่อเดิมว่า สหชม นาคฤทธิ์ เคยถูกแจ้งความดำเนินคดีตั้งแต่ปี 2555-2559 รวม 6 คดี เป็นคดีที่เกี่ยวกับทรัพย์ทั้งหมด
ถูกศาลอนุมัติหมายจับกุมรวม 3 ครั้ง โดยทุกคดีมีการถอนหมายจับหมดแล้ว เนื่องจากมีการจับกุม หรือดำเนินคดีแล้วทั้งหมด
ซินแสโชกุน เคยเกือบมีคดีความ ในปี 2557 เมื่อ บริษัท วี. เวิล์ด ทราเวิล จำกัด ออกประกาศระบุว่า น.ส.ศรัณย์พัชร์ หรือ ซินแสโชกุน แอบอ้างและปลอมแปลงเอกสารการจองตั๋วเครื่องบินของบริษัท เพื่อนำไปหลอกลวงลูกค้า แต่เนื่องจากบริษัทวี. เวิล ทราเวล ไม่ได้เป็นผู้เสียหายโดยตรง จึงไม่สามารถดำเนินคดีฟ้องร้องดังกล่าวได้
แต่ยังมีผู้เสียหายหลายคนที่ถูกหลอก และพยายามรวมตัวกัน มีการตั้งเพจเฟสบุ๊ค เพื่อรวบรวมผู้เสียหายที่ถูกนางสาว ศรัณย์พัชร์ หลอกขายตั๋ว และเตือนภัย ไม่ให้ถูกหลอกซ้ำ
สำหรับทริป หลบเมืองร้อน ไปทริปสุขภาพดีที่โอซาก้า ที่กำลังเป็นปัญหา ระบุว่าเดินทางโดยเครื่องเช่าเหมาลำของสายการบินคาเธ่ แปซิฟิค แต่ล่าสุดค่าเธ่ ก็ออกมาประกาศชัดว่า สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก ไม่มีการเปิดให้มีการเช่าเหมาลำ และไม่มีการทำราคาพิเศษใดๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับทัวร์ดังกล่าว หากมีการนำชื่อไปอ้างอิง และได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ไว้แล้ว