
เรียกว่า สูงสุดคืนสู่ "พระสามัญ" ไร้ยศฐาบรรดาศักดิ์ทางพระ กลับสู่ตำแหน่งพระเหมือนเมื่อตอนเริ่มบวชเป็น พระทัตตชีโว และ พระธัมมชโย
วัดพระธรรมกาย ยิ่งใหญ่อลังการมาถึง ณ วันนี้ ต้องยอมรับว่า พระธัมมชโย และ พระทัตตชีโว ที่เป็นเหมือน "คู่บุญ-คู่กรรม" ของกันและกัน คือแกนนำ แกนหลัก แกนสำคัญ ที่ร่วมกันสร้าง
เผด็จ ผ่องสวัสดิ์ นักศึกษารุ่นพี่ ภาควิชากสิกรรมและสัตวบาล คณะเกษตร ขณะที่ ไชยบูลย์ สุทธิผล เป็นนักศึกษารุ่นน้อง คณะเศรษฐศาสตร์ แม้อยู่คนละคณะ แต่ด้วยความที่ทั้งคู่ใฝ่ธรรมะ ชอบการนั่งสมาธิ ทำให้ได้มาเจอกัน และพากันไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ศึกษาวิชาธรรมกายกับ แม่ชีจันทร์ ขนนกยูง ที่บ้าน บรรณประสิทธิ ตามหลักของ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ที่บ้านธรรมประสิทธิ์ ในวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
ปี 2512 เมื่อ ไชยบูลย์ สุทธิผล เรียนจบ ป.ตรี เศรษฐศาสตร์ ได้บวช ที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ โดยไชยบูลย์ สุทธิผล ได้รับฉายาทางพระว่า "ธมฺมชโย" ซึ่งแปลว่า "ผู้ชนะโดยธรรม"ขณะที่เพื่อนผู้พี่ เผด็จ ผ่องสวัสดิ์ ก็ตามไปบวชที่ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ หลังจากนั้นอีก 2 ปี คือบวชในปี 2514 โดย เผด็จ ผ่องสวัสดิ์ ได้รับฉายาทางพระว่า "ทตฺตชีโว" แปลว่า "ผู้ถวายชีวิตแล้วแด่พระศาสนา"
หลังจากนั้นทั้งคู่ (รวมถึง อาจารย์วิชาธรรมกาย คือ แม่ชีจันทร์ ขนนกยูง) ก็เริ่มสร้างวัดพระธรรมกาย โดยเริ่มจากตั้งมูลนิธิฯ หาทุน สร้าง "ศูนย์ปฏิบัติธรรม" และพัฒนาขยับขยายกลายมาเป็น "วัดพระธรรมกาย"
ในปี 2513 พระธัมมชโย และ เผด็จ ผ่องสวัสดิ์ ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ปฏิบัติธรรม (ยังไม่บวช) และหมู่คณะ ก็ได้เข้าพัฒนาผืนนา 196 ไร่ ที่ทุ่งรังสิต จ.ปทุมธานี ขึ้นเป็นสำนักสงฆ์ตามระเบียบการสร้างวัด และให้ชื่อว่า "ศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรม" และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดพระธรรมกาย" ในปี 2524
ด้วย "พระธัมมชโย" เป็นผู้คงแก่เรียน ชอบคิด ชอบวางแผน คิดได้ ลึกซึ้ง วางหมาก ได้หลายชั้น แม้จะมีศักดิ์เป็นรุ่นน้อง แต่ความคิดใหญ่ จึงเป็นหัวหน้า ทำหน้าที่เป็น ฝ่ายบุ๋น
ขณะที่ "พระทัตตชีโว" คือฝ่ายบู๊ เพราะเป็นนักปฏิบัติ ขาลุย ขาบุก จึงรับหน้าที่เป็นแม่ทัพ นำแผนยุทธศาสตร์มาสู่ภาคปฎิบัติ!
ในเอกสารประวัติ พระธัมมชโย ระบุถึงการเริ่มสร้างวัดพระธรรมกายว่า "เงินทุนเริ่มต้นของการสร้างวัดมีอยู่เพียง 3,200 บาท กับที่นา 196 ไร่ ที่ได้รับบริจาคมาจากคุณหญิงประหยัด แพทยพงศาวิสุทธาธิบดี หมู่คณะทุกคน จึงต้องตรากตรำทำงานหนักและดำรงชีวิตอย่างเรียบง่ายยิ่ง มีเพียงน้ำพริกผักจิ้มเป็นอาหารหลัก โดยอาศัยเก็บผักที่ขึ้นอยู่ตามท้องนาบริเวณนั้น แต่ทุกคนก็เต็มเปี่ยมด้วยขวัญและกำลังใจ ทั้งเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำว่าจะต้องสำเร็จ แม้ว่าขณะนั้นจะยังมองไม่เห็นทางเลยก็ตาม ปัญหาหนักเรื่องหนึ่ง ก็คือ การจัดหาทุน"
ในช่วงปี 2535 วัดพระธรรมกาย ภายใต้การนำของ พระธัมมชโย และ พระทัตตชีโว ได้เริ่มขยายสาขางานของวัดออกไปทั่วไทย และต่างประเทศ โดยในต่างประเทศ ได้สร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งแรกขึ้นที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
อาณาจักรธรรมกาย มีวัดศูนย์สาขาในทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป ทวีปแอฟริกา โอเชียเนีย และทวีปเอเชีย รวมทั้งวัดสาขาและศูนย์ปฏิบัติธรรมในประเทศไทยกว่า 100 แห่ง! ท่ามกลางความสงสัยและกังขาจากสังคม!และ สมณศักดิ์ ของ พระธัมมชโย และ พระทัตตชีโว ก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับตีคู่กับความยิ่งใหญ่ของ อาณาจักรธรรมกาย
พระธัมมชโย จากพระสามัญก็เติบโตจนก้าวสู่ พระราชาคณะชั้นเทพ เป็น "พระเทพญาณมหามุนี ศรีธรรมโกศล โสภณภาวนานุสิฐ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี" เป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เป็นประธานมูลนิธิธรรมกาย ฯลฯ
ขณะที่ "พระทัตตชีโว" ก็ก้าวหน้าเป็นลำดับเช่นกันและก้าวสู่ พระราชาคณะชั้นราช เป็น "พระราชภาวนาจารย์ ไพศาลศาสนกิจ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี" เป็น รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และ รองประธานมูลนิธิธรรมกาย ฯลฯ
ตลอดระยะเวลา 50 ปี พระธัมมชโย และ พระทัตตชีโว คือ คู่บุญ คู่กรรม ของกันและกัน ยืนเคียงข้างกัน สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับวัดพระธรรมกาย
ที่สุดความยิ่งใหญ่ วันนี้คืนสู่สามัญ ทั้งคู่ถูกถอน "สมณศักดิ์" และกำลังเผชิญกับ "มรสุมกรรม"ครั้งใหญ่ ที่ร่วมกันสร้างไว้!