ซึ่งกรรมวิธีการผลิตกาแฟ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเริ่มจากเก็บเมล็ดกาแฟที่สุกแดงมาตากให้แห้ง ก่อนนำมาโขลกกระเทาะเปลือกออก แล้วนำไปกวนคั่วจนเมล็ดแห้งกรอบ จากนั้นปรุงรสชาติให้กลมกล่อมด้วยการเติมน้ำผึ้งแว่นลงไปแล้วคั่วต่อจนแห้งได้ที่
เมื่อเมล็กกาแฟถูกเคลือบคละเคล้าเป็นเนื้อเดียวกันกับน้ำผึ้งแว่น ก็น้ำมาใส่ครกที่ทำจากไม้หลุมพอใช้สากโขลกจนละเอียดเป็นผงกาแฟแล้วน้ำมาใส่ตะแกรงร่อนเก็บใส่ภาชนะ ส่วนที่เหลือเป็นกากก็นำมาขลกใหม่อีกครั้ง จนกลายเป็นผงกาแฟสำเร็จรูป
คนบ้านกม.36 หรือ อัยเยอร์เวง นิยมชงโกปีใส่น้ำตาล หรือนมข้นหวาน รสหวานมากเพื่อกลบความขมของเนื้อกาแฟ เคยสอบถามชาวบ้านว่ากาแฟที่นำมาปลูกเป็นพันธุ์อะไร เขาตอบไม่ได้ว่าเป็นอาราบิก้า หรือ โรบัสต้า สองสายพันธุ์หลักที่นิยมปลูกกัน สุดท้ายเลยเรียก " พันธุ์ฮาลา " โดยยึดเอาแหล่งที่นำเมล็ดพันธุ์มาปลูกครั้งแรก จนติดปากต่อๆกันมาจนถึงปัจจุบัน
รสชาติของกาแฟฮาลา ต่างจากเอสเพรสโซ่ อเมริกาโน่ หรือ ม็อคค่า เพราะมีความกลมกล่อมทั้ง " หอม ขม และ มัน " ส่วนความหวานขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของแต่ละคน ปัจจุบันได้รับความนิยมกลายเป็นผลิตภัณฑ์ของชุมชนที่นักท่องเที่ยวต่างถิ่นมักแวะมาชิมและซื้อติดไม้ติดมือกลับไป ยิ่งขณะนี้แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในพื้นที่ได้รับการโปรโมทเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ที่ผู้คนนิยมขึ้นมาเฝ้าชมตั้งแต่ก่อนฟ้าสาง " โกปีฮาลา " ที่ชาวบ้านนำมาขายริมทาง กลายเป็นตัวเลือกหนึ่ง มักจะถูกลูกค้าทั้งขาประจำและขาจรสั่งมาจิบโต้ลมหนาวท่ามกลางอุณหภูมิ 20 องศาต้นๆ บนยอดเขาสูง เข้าบรรยากาศได้เป็นอย่างดี ...