"ศานิตย์" นำทีมหาหลักฐานตรวจกล้องวงจรปิด คดีเซลส์แมนหายตัวลึกลับ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 5ก.พ.60 ที่ซอยบรมราชชนนี78 แยก7 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ธรรมศาลา ได้เดินทางลงพื้นที่บริเวณที่พบสัญญาณโทรศัพท์นายรัติภูมิ ครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะหายตัวไปอย่างลึกลับ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.59 ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวก่อนเข้าไปตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในบ้านหลังที่อยู่ในซอยเดียวกับน.ส.มิ้ว ว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาเก็บหลักฐานต่างๆให้เรียบร้อย ส่วนโทรศัพท์ของน.ส.มิ้ว ที่หลายๆคนอาจจะคิดว่าไม่สำคัญ แต่ตนเชื่อว่าจะต้องมีข้อมูลสำคัญในโทรศัพท์อย่างแน่นอน เพราะวันเกิดเหตุ นายรัติภูมิ ได้นำโทรศัพท์ของน.ส.มิ้วมาวางทิ้งไว้ ซึ่งสัญญาณโทรศัพท์ก็ระบุว่าอยู่ที่ตรงนี้ ทางเจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่มาตรวจสอบบริเวณดังกล่าวตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง แต่การตรวจค้นครั้งเดียวอาจจะไม่เพียงพอ คงจะต้องตรวจค้นไปเรื่อยๆ เพื่อนำมาเป็นข้อมูลส่วนหนึ่งในการตรวจสอบหาสาเหตุของผู้เกี่ยวข้องในวันที่นายรัติภูมิหายตัวไป

ขณะนี้ตนก็ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง เนื่องจากว่ายังมีข้อสงสัยหลายๆส่วน แต่ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ยังทำงานตลอด 24 ชั่วโมง วันนี้ตนจึงอยากมาให้กำลังใจน้องๆที่ทำงานกันจนไม่หยุดหย่อน จนถึงขณะนี้ตนก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่า นายรัติภูมิ ยังมีชีวิตอยู่ หรือเสียชีวิตไปแล้ว เพราะไม่มีพยานหลักฐานบ่งชี้ แต่ก็ขอให้ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งทางคุณพ่อนายรัติภูมิ ยืนยันว่าลูกชายยังมีชีวิตอยู่แน่นอน ส่วนกรณีที่มีหญิงสาวมาเกี่ยวข้องนั้น มันมีข้อมูลว่านายรัติภูมิ ไปพัวพันกับหญิงที่มีครอบครัวแล้ว ซึ่งจะต้องพิสูจน์ให้แน่ชัดเสียก่อน ส่วนการสอบปากคำภรรยาของนายรัติภูมิ ที่ผ่านมานั้น ถือว่าให้การเป็นประโยชน์ต่อแนวทางการสืบสวนเป็นอย่างมาก

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวภายหลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดว่า ที่มาตรวจสอบกล้องวงจรปิดวันนี้ เพราะต้องการรีเช็ค เพื่อให้เกิดความละเอียดรอบคอบในทุกมิติ ซึ่งเมื่อวันที่4ก.พ.60 ที่ผ่านมา ตนก็ได้สั่งการกำชับให้ ผกก.สน.ธรรมศาลา ไปทำการสืบสวนหาโทรศัพท์มือถือให้ได้ เพราะการลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งเดียวมันไม่เพียงพอ ก็ต้องหาต่อไปจนกว่าจะเจอ ส่วนหลักฐานอื่นๆนั้นที่เป็นประโยชน์ต่อการคลี่คลายคดี ก็ฝากไปถึงพี่น้องประชาชนว่า หากใครพบเบาะแส หรือมีข้อมูลของนายรัติภูมิ สามารถแจ้งกับเจ้าหน้าที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นอย่างไรบ้าง พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า ก็พยายามตรวจสอบไปเรื่อยๆ คิดว่าอาจจะมีบางแห่งที่มีภาพของนายรัติภูมิ ก็อยากจะขอเวลาตรวจสอบก่อน ซึ่งในวันนี้ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ หรือเรียกภาษาชาวบ้านว่า "ไล่หล่าว" คือเดินดิน กินข้าวแกง หาหลักฐานทุกชิ้นที่หาได้ โดยเริ่มตั้งแต่ต้นทาง ถึงปลายทาง เพราะการลงพื้นที่หาหลักฐานนั้น จะต้องหาตลอด รวมทั้งมูลเหตุแรงจูงใจอื่น เพื่อจะได้คลี่คลายคดี หรือสามารถโยงไปถุงบุคคลที่เกี่ยวข้อง แค่เมื่อวาน4ก.พ.60 พ่อของนายรัติภูมิ ได้ระบุว่า บุตรชายยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งตนก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น ตนก็อยากจะขอให้นายรัติภูมิ ออกมาแสดงตัว จะได้รู้ว่ามูลเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นอย่างไร หรือหากใครพบเห็นนายรัติภูมิ ก็ขอให้มีแจ้งเบาแสกับเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลา

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จากการสอบถามชาวบ้านในละแวกดังกล่าว มีใครยืนยันหรือไม่ว่า พบนายรัติภูมิ ได้เดินทางมาหา น.ส.มิ้ว บ่อยครั้งหรือไม่ พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า จากการสอบถามน.ส.มิ้ว ให้การว่านายรัติภูมิ พึ่งมาเป็นครั้งแรก นั่งรถแท็กซี่มาเมื่อวันที่ 19ธ.ค.59 ค้าง 1 คืน โดยนอนที่โซฟา ก่อนที่จะหายตัวไปเมื่อวันที่ 20ธ.ค.59 ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็พยายามตรวจสอบว่านายรัติภูมิ ได้มาหาน.ส.มิ้ว บ่อยหรือไม่ หรือมีสาเหตุกับผู้ใดหรือไม่ ซึ่งจุดนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่พบตัวนายรัติภูมิ และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า คิดว่าจากการทุ่มเท คงจะสามารถคลี่คลายคดีได้ จะตามให้สุด ประชาชนไม่ต้องกังวล เพราะตำรวจไม่มีวันหยุดและทำงานตลอด 24 ชั่วโมง มีรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในซอยบรมราชชนนี78 แยก15 นั้น มีข้อมูลยืนยันแล้วว่า ไม่มีทีมอุ้มนายรัติภูมิ แต่อย่างใด ส่วนโทรศัพท์มือถือของ น.ส.มิ้ว ก็จะทำการรื้อค้นในพงหญ้าตลอดทั้งซอย และการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของ กทม. บริเวณหน้าปากซอยทางเข้าบ้านของ น.ส.มิ้ว ก็จะทำการประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ กทม. เพื่อขอตรวจสอบต่อไป