svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"หมวดเจี๊ยบ" เย้ย "บิ้กตู่" อ่านโพลไม่เป็นตบตาประชาชน

ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต ทีมสำนักเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการจัดอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอรัปชั่น (CPI) รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ควรพูดจาบิดเบือนเรื่องดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอรัปชั่นของไทยที่ตกต่ำลง เหตุใดรัฐบาลจึงพูดว่า ผลการจัดอันดับที่ออกมา ไม่ได้เป็นเรื่องที่แย่มากมายอะไรสำหรับประเทศไทย ทั้งที่ความจริง ไทยได้คะแนนรองสุดท้ายในอาเซียน ได้ 35 คะแนน ถือว่าต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานขั้นต่ำของโลกอีกด้วย โดยมาตรฐานโลกอยู่ที่ 43 คะแนน

ทั้งนี้ในรายงานดังกล่าวยังระบุว่าประเทศไทย เป็น 1 ใน 2 ชาติอาเซียนที่มีภาพลักษณ์ตกต่ำที่สุดในภูมิภาคในด้านปัญหาคอรัปชั่น เนื่องจากอยู่ใต้อำนาจการปกครองของกองทัพและรัฐบาลที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ ทั้งยังมีการปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน ซึ่งบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของประเทศ ในขณะที่เพื่อนบ้านของไทย อย่าง พม่า ลาว และติมอร์ฯ ล้วนแต่มีคะแนนดีขึ้น ในสายตาขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าต่อว่า เหตุใด พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่หนักใจกับผลการจัดอันดับดังกล่าว เพราะพล.อ.ประยุทธ์ อ่านผลโพลไม่เป็นหรือว่าจงใจพูดบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งสะท้อนว่าพล.อ.ประยุทธ์ คงไม่ได้สนใจปราบคอรัปชั่นจริงจังและไม่มีความรู้เรื่องการทำโพล และการให้ข่าวของรัฐบาลอาจเชื่อถือไม่ได้ โดยเน้นการล้างสมองคนฟังอย่างเดียว และจ้องเซ็นเซอร์สื่อใช่หรือไม่ แล้วถ้าเป็นการโกงแบบไม่มีใบเสร็จ เช่น การรับเงินค่าแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ หรือ ค่าคอมมิชชั่นในการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ตลอดจนการรับเงินใต้โต๊ะจากเจ้าสัวใหญ่เพื่อแลกกับการอนุมัติโครงการต่าง ๆ นั้น ประชาชนจะแน่ใจได้อย่างไร ว่ารัฐบาลจะพูดความจริงเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ "การโกงที่ไม่มีใบเสร็จและไม่มีเส้นทางการเงินให้ ปปช. ติดตามสอบสวน ในขณะเดียวกัน กลไกในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลต่าง ๆ ก็ทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ เพราะถูกคุกคาม ไม่ว่าจะเป็นภาคการเมือง ภาคประชาชน นักวิชาการ หรือ การทำหน้าที่ของสื่อมวลชน" ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าว นอกจากนี้ตนอยากเรียกร้องให้ประชาชนจับตามองการออกกฎหมายเพื่อควบคุมการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่กำลังจะมีขึ้นอย่างใกล้ชิดด้วย โดยขอให้ประชาชนคิดตามว่า รัฐบาลต้องการเซ็นเซอร์การให้ข้อมูลข่าวสารเรื่องการโกงกินหรือความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลใช่หรือไม่ จึงต้องมีกฎหมายไว้เพื่อบีบคอสื่อ เพื่อที่รัฐบาลจะได้สื่อสารเพียงข้างเดียว ซึ่งจะทำให้ประชาชนไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้าน และจะส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางการเมืองของประเทศไทย อย่างไรก็ตามการคุกคามการทำงานของสื่อ ไม่ใช่ปัญหาของนักข่าวหรือเจ้าของสำนักข่าวเท่านั้น แต่เป็นปัญหาของสังคมโดยรวมด้วย เพราะถ้าแม้แต่องค์กรสื่อ ซึ่งที่อยู่ในที่แจ้ง มีกระบอกเสียงในมือและมีอำนาจต่อรองมากกว่าประชาชนทั่ว ๆ ไป ยังถูกคุกคามเสรีภาพเช่นนี้ แล้วประชาชนตัวเล็ก ๆ จะมีปากมีเสียงในสังคมได้อย่างไร การคุกคามสื่อ จึงเท่ากับการคุกคามเสรีภาพของประชาชนด้วย ถ้าสื่อถูกรังแก เชื่อเถิดว่า จะมีประชาชนจะถูกรังแกหนักกว่านั้น โดยที่สังคมอาจไม่มีโอกาสรับรู้ความจริงที่เกิดขึ้น หากสื่อถูกอำนาจรัฐควบคุมและครอบงำได้อย่างเบ็ดเสร็จ