svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

สัมพันธ์แนบแน่น ราชวงศ์ไทย-ภูฏาน

สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก กษัตริย์แห่งภูฏาน เป็นกษัตริย์พระองค์แรก ที่เสด็จมายังประเทศไทย เพื่อร่วมถวายสักการพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เป็นการส่วนพระองค์ สะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ราชวงศ์ที่แน่นแฟ้นมาโดยตลอด

สำนักพระราชวังแห่งภูฏาน แถลงว่า สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก กษัตริย์แห่งภูฏาน พร้อมด้วย สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก เสด็จมายังประเทศไทย และจะทรงเข้าร่วมพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในวันที่ 16 ต.ค. โดยนับเป็นราชวงศ์แรกของโลกที่เสด็จมายังประเทศไทย เพื่อร่วมถวายสักการะพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
ไม่ต่างจากคนไทยนัก องค์กษัตริย์แห่งภูฏาน ทรงโทมนัสต่อการสวรรคตของพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ด้วยทรงยึดถือพระองค์เป็นแบบอย่างในการปกครองมาโดยตลอด .. และก่อนหน้านี้ ยังได้ทรงเป็นผู้นำชาวภูฏานในการจุดเทียน และสวดมนต์ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ Chorten พร้อมรับสั่งให้ชาวภูฏานจุดเทียนต่อเนื่องนาน 7 วัน
พระรับสั่งและความโทมนัสของกษัตริย์จิกมี สะท้อนให้เห็นถึงความแน่นแฟ้นในความสัมพันธ์ของ 2 ราชวงศ์ ระหว่างราชวงศ์ภูฏาน และราชวงศ์ไทย
คนไทยได้รู้จักกษัตริย์จิกมีเป็นครั้งแรก เมื่อ 10 ปีก่อน เมื่อครั้งที่ยังทรงเป็นมกุฎราชกุมาร และเสด็จเยือนประเทศไทยในฐานะตัวแทนประมุขแห่งราชอาณาจักรภูฏาน ในพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรมินมรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อปี พ.ศ. 2549 และกลายเป็นภาพแห่งประวัติศาสตร์แห่งความสัมพันธ์ของ 2 ราชวงศ์อย่างแนบแน่น
แต่แท้จริงแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์ของไทย และราชวงศ์ของภูฏาน มีความลึกซึ้งมากกว่านั้น .... การปกครองของกษัตริย์ภูฏานที่เน้นการพัฒนาความสุขของประเทศ คล้ายคลึงกับหลักการมีความสุขแบบพอเพียงของพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศของไทย
หลายต่อหลายครั้ง ที่กษัตริย์จิกมี ในฐานะมกุฎราชกุมาร เคยเสด็จมายังประเทศไทย เพื่อทรงเรียนรู้หลักการทำงาน และการปกครองของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรมินทรมหาภูมิพลอดุุลยเดช ทรงติดตามพระองค์ในการราชกรณียกิจไปในพื้นที่ต่าง ๆ ทรงนับถือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรมินมรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่าเป็นแบบอย่างในการพัฒนาประเทศ อีกทั้งยังทรงเคยเสด็จจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาบนยอดดอยอินทนนท์และยอดดอยอ่างขาง และยังเคยเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ เมื่อครั้งยังเป็นองค์มกุฏราชกุมารอีกด้วย
นอกจากนี้ เมื่อปี พ.ศ.2549 สภามหาวิทยาลัยรังสิต มีมติเป็นเอกฉันท์ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาปรัชญา การเมืองและเศรษฐศาสตร์ แด่มกุฎราชกุมารจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ในขณะนั้น ซึ่งท่านได้ทรงมีพระราชดำรัสตอนหนึ่งถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรมินทรมหาภูมิพลอดุุลยเดชว่า
"คนไทยไม่ต้องมองหาแบบอย่างที่ดีที่ไหน เพราะอยู่ใกล้ ๆ แค่นี้เอง ,, บุคคลที่ทำงานหนัก, มีความเมตตา, ยุติธรรม, ทุ่มเท และอุทิศตนให้กับคนไทยทุก ๆ คน .. คนคนนั้นก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจ้าอยู่หัวปรมินทรมหาภูมิพลอดุุลยเดช พระองค์เป็นหัวใจสำคัญของคนไทย.. คนไทยควรนำหลักการใช้ชีวิตของพระองค์มาใช้ และหากเป็นเช่นนั้นแล้ว ข้าพเจ้าเชื่อว่าประเทศไทยจะประสบความสำเร็จและเจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน"
และยังมีการร่ำลือกันว่า พระราชาธิบดีจิกมี ได้ทรงติดพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจ้าอยู่หัวปรมินทรมหาภูมิพลอดุุลยเดช ไว้เสมอกับพระบรมฉายาลักษณ์ของพระราชบิดา
ความรักและเคารพของพระองค์ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรมินทรมหาภูมิพลอดุุลยเดช ถูกส่งต่อมาจากพระบิดา กษัตริย์จิกมี ซิงเย วังชุก ที่ทรงยึดถือพระองค์เป็นแบบอย่างในการปกครอง และเป็นผู้เริ่มสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างไทยและภูฏาน เมื่อปี พ.ศ.2534 เป็นต้นมา มีการเสด็จเยือนระหว่างราชวงศ์หลายต่อหลาครั้ง และถูกสานต่อจนมีความสัมพันธ์ที่รุ่งเรืองดังเช่นปัจจุบัน