svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

คตง.ฟ้อง"ปตท" คืนท่อเพิ่ม 3.2 หมื่นล. สตง.ชี้ไม่กระทบฐานะ-ราคาหุ้น

"คตง." มีมติส่งปปช.ฟ้องอาญาอดีตรมว.คลัง ผู้ว่าปตท. ผู้บริหารกรมธนารักษ์กับพวกรวม 6 คน ฐานดำเนินส่งมอบท่อก๊าซปตท.คืนคลังไม่ครบถ้วน และไม่เป็นไปตามมติครม. ทำให้รัฐเสียหาย ชี้ปตท.ต้องคืนท่อเพิ่มอีกกว่า 3.2 หมื่นล้านบาท พร้อมจ่ายค่าเช่าย้อนหลังเพิ่ม ยืนยันไม่กระทบฐานะและราคาหุ้นปตท.

คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) มีมติวานนี้ (10 พ.ค.) ชี้บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) แบ่งแยกทรัพย์สินไม่เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด และไม่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยมีการส่งมอบท่อส่งก๊าซธรรมชาติคืนให้กระทรวงการคลังไม่ครบ คิดเป็นมูลค่า 3.2 หมื่นล้านบาท ทำให้รัฐเสียหาย เพราะได้ค่าเช่าท่อจากปตท.น้อยกว่าที่ควรจะเป็น

นายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) เปิดเผยว่า คตง.มีมติส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) พิจารณาดำเนินคดีอาญากับอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. เจ้าหน้าที่กรมธนารักษ์รวม 6 คน เนื่องจากมีพฤติการณ์ที่เชื่อว่าปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ อีกทั้งให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัย และความรับผิดชอบทางละเมิด อีกทั้งคตง.ยังขอให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กรรมการผู้จัดการใหญ่ปตท. และผู้เกี่ยวข้องดำเนินการให้มีการส่งมอบท่อก๊าซที่ขาดไป ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 3.26หมื่นล้านบาท ให้กับกระทรวงการคลัง

พร้อมให้ครม.ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อให้มีการบังคับคดีที่ถูกต้องครบถ้วนต่อไปภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสตง. ไม่เช่นนั้น คตง.จะดำเนินการตามมาตรา 17,63 ,64 แห่งพ.ร.บ.ตรวจเงินแผ่นดิน และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และพ.ร.บ.ความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานรัฐ มาตรา 11 ต่อไป

กระทรวงคลังมีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินของแผ่นดิน ซึ่งท่อก๊าซธรรมชาติมูลค่า 3.2 หมื่นล้านบาทนี้ เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเพิกเฉยไม่ดำเนินการให้มีการส่งมอบท่อให้ครบถ้วนไม่ได้ เมื่อมีการส่งมอบแล้ว คลังจะให้ปตท.หรือผู้ใดเช่า เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของปตท.

คตง.ฟ้อง"ปตท"  คืนท่อเพิ่ม 3.2 หมื่นล. สตง.ชี้ไม่กระทบฐานะ-ราคาหุ้น

นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยว่า ส่งผลต่อการคิดค่าเช่าท่อ จากบริษัทปตท.ให้ครบถ้วน ซึ่งเรื่องนี้มองว่าไม่กระทบต่อฐานะของปตท. และไม่กระทบต่อราคาหุ้นของปตท.แต่อย่างใด เพราะมูลค่าท่อส่งก๊าซ 3.2 หมื่นล้านบาทนั้น เป็นมูลค่าทางบัญชี ส่วนเรื่องค่าเช่าที่จะต้องมีการคิดคำนวณให้ถูกต้อง มองว่ารัฐน่าจะได้ค่าเช่าเพิ่มจากปัจจุบันเป็น 2 เท่า แต่เมื่อเทียบกับฐานะของปตท.แล้ว คิดเป็นสัดส่วนที่น้อย จึงไม่น่าจะกระทบกับฐานะของปตท.แต่อย่างใด จึงไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้จะต้องมีการเรียกคืนท่อก๊าซธรรมชาติอีก 3.2 หมื่นล้านบาทคืนให้ครบถ้วน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นท่อบนบก ในทะเล หรือเป็นที่ดินที่ซื้อมาเอง ก็ถือว่าเป็นท่อเส้นเดียวกัน จะต้องคืนมาทั้งหมด
ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ทางสตง.ได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฏีกาตีความเรื่องการส่งมอบท่อของปตท.ว่าครบถ้วนตามคำสั่งศาลและมติครม.หรือไม่นั้น ปัจจุบันทางกฤษฏีกายังไม่ได้ส่งความเห็นมา แต่ สตง. ก็ได้ดำเนินการตรวจสอบจนสิ้นข้อสงสัยแล้ว ว่าการส่งมอบท่อในครั้งนี้ไม่ครบถ้วน

ทั้งนี้ การดำเนินการส่งเรื่องให้ป.ช.ช.ดำเนินการกับอดีตรัฐมนตรีคลัง กรรมการผู้จัดการใหญ่ปตท.และพวกรวม 6 คนนั้น เป็นการตรวจสอบในส่วนของการดำเนินการส่งมอบท่อคืนให้คลัง ซึ่งได้มีการจัดทำบันทึกรายงานการส่งมอบ โดยปกปิดสาระสำคัญที่จะต้องรายงาน อีกทั้งรัฐมนตรีคลังได้มีการลงนามในบันทึกโดยไม่ได้เสนอต่อครม. และไม่ได้ส่งให้อัยการตรวจสอบ
สำหรับรายชื่อผู้ที่ถูกสตง.ส่งชื่อให้ป.ป.ช.ฟ้องประกอบด้วย 1. นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. นาย สุพจน์ เหล่าสุอาภา ฝ่ายกฎหมายของปตท. นายอำนวย ปรีมนวงศ์ อดีตรองอธิบดี กรมธนารักษ์ ปฏิบัติหน้าที่แทนอธิบดี และเจ้าหน้าที่กรมธนารักษ์อีก 2 คน
กรณีนี้สืบเนื่องจากการที่ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้ครม. นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีคลัง รัฐมนตรีพลังงาน และบริษัทปตท. ดำเนินการให้ปตท.คืนท่อส่งก๊าซธรรมชาติทั้งบนบกและในทะเลให้รัฐบาล และครม.ซึ่งมีพล.อ.สรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2550 ให้กระทรวงพลังงาน ปตท.ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล และให้สตง.เป็นผู้ตรวจสอบและรับรองความถูกต้องในการคืน

คตง.ฟ้อง"ปตท"  คืนท่อเพิ่ม 3.2 หมื่นล. สตง.ชี้ไม่กระทบฐานะ-ราคาหุ้น

ต่อมาเมือวันที่ 25 ธ.ค.2551 บริษัท ปตท.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุดว่ามีการคืนทรัพย์สินตามคำพิพากษาเรียบร้อยแล้ว และในวันที่ 26 ธ.ค.2551 ศาลปกครองมีคำสั่งว่าการคืนท่อเรียบร้อยแล้ว แต่ทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกับพวกรวม 4,450 คน ได้เป็นโจทย์ยื่นฟ้องปตท. และทรวงการคลัง โดยอ้างว่า การส่งมอบท่อไม่ครบถ้วน ขาดไป 3.2 หมื่นล้านบาท เพื่อขอให้บังคับให้ส่งมอบให้ครบถ้วน

แต่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งว่า การส่งมอบท่อไม่ครบถ้วนอันเป็นการฝ่าฝืนมติครม. เป็นเรื่องที่ต้องไปว่ากล่าวกันภายในหน่วยงานของรัฐตามมติครม.รี ทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกับคณะจึงมีหนังสือขอให้คตง.วินิจฉัยว่ากระทรวงการคลังและปตท.กับพวกฝ่าฝืนมติครม. คตง.จึงมีคำสั่งให้สตง.ตรวจสอบโดย ผลการตรวจสอบพบว่าการดำเนินการส่งมอบท่อปตท.ยังไม่ครบถ้วน ขาดไป 3.2 หมื่นล้าน อีกทั้งการส่งมอบยังไม่เป็นไปตามมติครม.โดยไม่ได้ให้ทางสตง.ตรวจสอบก่อน
ทั้งนี้ตามความเห็นของสตง. ท่อก๊าซธรรมชาติไม่ว่าจะอยู่บนบกหรือในทะเล หรือหน่วยงานใดเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการวางท่อก็ตาม ในการก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับสิทธิในแนวท่อก๊าซธรรมชาติทั้งหมด รวมถึงการกำกับและควบคุมดูแล ต้องใช้อำนาจมหาชนในการควบคุมกำกับ ตามพ.ร.บ.การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ.2551 จึงถือว่าแนวท่อก๊าซทั้งหมด รวมถึงอุปกรณ์ที่ประกอบกันเป็นระบบท่อก๊าซธรรมชาติทั้งบนบก และในทะเลเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ประเภททรัพย์สินที่ต้องใช้ประโยชน์ร่วมกันโดยเฉพาะ

แต่จากผลการตรวจสอบของสตง.พบว่า ทรัพย์สินที่ปตท.แบ่งแยกให้กระทรวงการคลัง มูลค่ารวม 16,176 ล้านบาท เป็นแนวท่อเฉพาะที่อยู่บนบกเท่านั้น ยังมีแนวท่อก๊าซทั้งบนบกและในทะเลที่ ปตท.ยังไม่ได้แบ่งแยกและส่งมอบให้กระทรวงการคลังอีก รวมมูลค่า 32,613 ล้านบาท จึงถือไม่ได้ว่าปตท.ได้ดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สินให้ถูกต้องตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด