
วันที่ 16 มี.ค. 59 มีชาวบ้านเดินทางมาบอกเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ที่วัดนิเวศวิหาร บ้านนาดี ต.นาดี อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร ทุกเช้าจะมีสุนัขและลูกลิงเกาะหลังสุนัข พากันเดินตามพระสงฆ์ที่เดินบิณฑบาตซึ่งระว่างทางทั้ง 2 หยอกล้อกันอย่างมีความสุข เป็นภาพที่แสนน่ารัก สร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็น หลังจากพระสงฆ์ที่ออกเดินบิณฑบาตกลับวัด จะมีญาติโยมนั่งรอถวายภัตตาหารบนศาลา โดยสุนัขและลูกลิงก็ขึ้นไปหยอกล้อกันอย่างมีความสุข ก่อนรอกินข้าวก้นบาตรจากพระสงฆ์
ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปสอบถามพระครูนิเวศรัตนาภรณ์ เจ้าอาวาดวัดนิเวศวิหาร ถึงที่มาของสุนัขและลูกลิง โดยพระครูนิเวศรัตนาภรณ์ เล่าว่า สุนัขดังกล่าวมีชื่อว่า เจ้าแคลช เป็นเพศผู้อายุ 2 ปี ส่วนลูกลิงมีชื่อว่าเจ้า สงคราม เพศผู้เหมือนกัน อายุ 2 ปี ทั้ง 2 มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางฝั่งประเทศลาว
โดยเมื่อกลางปี 2558 มีพระสงฆ์รูปหนึ่งซึ่งเป็นชาวลาว ได้พาสุนัขที่มีชื่อ เจ้าแคลช และลูกลิงมีชื่อว่าเจ้าสงคราม ข้ามมาฝั่งไทยด้วยเพราะไม่อยากทิ้งเจ้าแคลช และเจ้าสงครามอยู่ตามลำพัง โดยไม่มีผู้ดูแลและเลี้ยงดู ซึ่งพระสงฆ์รูปนี้ ต้องข้ามมาจำวัดอยู่ที่วัดป่าแสนสุข บ้านป่งขาม ต.ป่งขาม อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร เพื่อเรียนภาษาบาลี โดยมีกำหนดเรียนจนถึงช่วงเข้าพรรษาจะกลับไปจำศีลอยู่ที่พักสงฆ์เดิมอยู่ฝั่งประเทศลาวซึ่งต้องใช้เวลาเรียนอีกนาน
พระสงฑ์ที่พาเจ้าแคลชและเจ้าสงครามข้ามมาอาศัยอยู่ที่วัดป่าแสนสุขได้ระยะหนึ่ง ก็มีความตั้งใจจะพาเจ้าแคลช และเจ้าสงครามกลับไปอยู่ฝั่งลาว และจะหาญาติโยมช่วยเลี้ยงดูให้ เพราะเกรงใจทางวัดป่าแสนสุข ซึ่งหลังจากเจ้าแคลช และเจ้าสงคราม คงฟังรู้เรื่องแล้วกลัวถูกส่งทั้ง 2 กลับฝั่งลาวจึงคิดหลบหนี โดยเจ้าสงครามกระโดดขึ้นหลังเจ้าแคลช เพื่อวิ่งหนีออกจากวัดป่าแสนสุขไปผ่านตามหมู่บ้าน แต่สุนัขเจ้าถิ่นเห็นก็ถูกไล่กัดต้องวิ่งหนีเข้าหลบในป่าข้างทาง จนเห็นว่าปลอดภัยก็ออกมาวิ่งไปต่อ สร้างความแปลกใจให้ชาวบ้านที่พบเห็น ด้วยความกลัวสุนัขเจ้าถิ่นรุมกัดเจ้าแคลชต้องวิ่งอย่างเร็ว เพื่อพาเจ้าสงครามหนีรอดเข้าไปภายในวัดนิเวศวิหาร
จากนั้นบรรดาพระสงฆ์ที่จำอยู่วัดนิเวศวิหาร เห็นเจ้าแคลชและเจ้าสงครา มาเกาะหลังกันควบเข้ามาภายในวัดสร้างความแปลกใจให้พระภายในวัดว่าลิงเกาะหลังสุนัขเข้าในวัดมาจากไหนมาได้อย่างไร และก็ไม่ยอมไปไหนพระลูกวัดจึงแจ้งให้ พระครูนิเวศรัตนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดนิเวศวิหาร ลงตรวจสอบพอเจ้าอาวาสเห็นเจ้าแคลชและเจ้าสงครามก็ไม่แปลกใจ เพราะท่านพระครูนิเวศรัตนาภรณ์ เจ้าอาวาสฯเวลาไปเรียนภาษาบาลีอยู่ที่วัดป่าแสนสุข ก็เจอพระสงฆ์เป็นชาวลาวที่ข้ามมาจำวัดเพื่อเรียนภาษาบาลีด้วยกัน ก็เห็นเจ้าแคลชและเจ้าสงครามอยู่ในวัดดังกล่าว จนแปลกใจว่าเจ้า แคลชและเจ้าสงคราม พากันมาได้อย่างไร และมากับใคร
เนื่องจากวัดป่าแสนสุข ที่เจ้าแคลชและเจ้าสงครามอาศัยอยู่ห่างกันกับวัดนิเวศวิหาร บ้านนาดีฯ กว่า 10 กิโลเมตร แต่เจ้าแคลชและเจ้าสงครามทำไมพากันมาถึงวัดนี้ได้ จึงสอบถามพระในวัดเล่าว่าเห็นเจ้าสงครามเกาะหลังเจ้าแคลช ควบเข้ามาในวัด โดยมีเสียงเห่าของสุนัขเจ้าถิ่นไล่ตามหลังมา จากนั้นพระครูนิเวศรัตนาภรณ์ เจ้าอาวาดวัด ให้พระจำวัด หาน้ำอาหารให้เจ้าแคลชและเจ้าสงครามพักผ่อนอยู่ในวัดก่อน จนพระครูนิเวศรัตนาภรณ์ ไปเรียนภาษาบาลีที่วัดป่าแสนสุข ได้พบกับพระสงฑ์ที่พาเจ้าแคลชและเจ้าสงคราม ข้ามมาจึงแจ้งให้พระสงฆ์ชาวลาวได้ทราบว่าเจ้าแคลชและเจ้าสงครามพากันไปอยู่ที่วัดนิเวศวิหาร โดยทั้ง 2 พากันไปเอง พระสงฆ์ชาวลาวทราบข่าวรู้สึกดีใจ เพราะอยู่ๆทั้ง 2 ก็หายไปไม่รู้ว่าพากันไปไหน เป็นห่วงสงสาร โดยเฉพาะเจ้าสงครามที่กำพร้าแม่
พระสงฆ์ชาวลาวได้เล่าเรืองที่มาของเจ้าสงคราม (ลูกลิง)ว่าเจ้าสงครามเกิดมามีอายุได้ประมาณ 1-2 เดือน แม่เจ้าสงครามก็พาออกไปหาอาหารกินโดยแอบไปกินพืชผลของชาวบ้าน ถูกเจ้าของสวนใช้ปืนแก๊ปยิงแม่ลิงได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่แม่ลิงยังตะเกียกตะกายพาเจ้าสงครามหนีจนมาถึงหน้าที่พักสงฆ์ แม่ลิงทนพิษบาดแผลไม่ไหว นอนตายอยู่หน้าที่พักสงฆ์ สภาพแม่ลิงนอนทับกองเลือด โดยมีเจ้าสงครามตัวเล็กๆยังเกาะท้องแม่ดูดนม โดยที่แม่ลิงไม่หายใจแล้ว
ตามลำตัวแม่ลิงพบบาดแผลเป็นรูลูกกระสุนจากปืนแก๊ปตามลำตัว โชคดีที่ลูกกระสุนไม่ถูกเจ้าสงคราม พระจึงนำแม่ลิงไปฝัง ส่วนเจ้าสงครามพระเก็บไว้เลี้ยงพร้อมตั้งชื่อว่า สงคราม โดยให้อยู่ร่วมกันกับเจ้าแคลชที่มีอายุพอๆกัน
พอเลี้่ยงเจ้าแคลชและเจ้าสงคราม ก็อยู่ร่วมกันจนโตด้วยกัน ไม่เคยมีอคติต่อกัน กินร่วมกันเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน รักกันแม้ต่างสายพันธุ์ก็อยู่ร่วมกันได้ไม่ขัดแย้งกันไม่ทำร้ายซึ่งกัน
ทั้งนี้ พระจำวัดและญาติโยมที่มาทำบุญ เห็นเจ้าแคลชและเจ้าสงคราม หยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน เป็นภาพที่น่ารัก เจ้าแคลช และเจ้าสงคราม เวลานอนจะนอนด้วยกัน ตื่นแต่เช้าแม้อากาศที่หนาวเย็นก็ตามทั้ง 2 จะพากันมานอนหน้าประตูกุฎิเจ้าอาวาส เพื่อรอร่วมออกเดินบิณฑบาต โดยเจ้าสงครามจะขึ้นเกาะหลังเจ้าแคลชแล้วออกเดินตามพระบิณฑบาต ทำให้ญาติโยมได้เห็นภาพที่แสนน่ารักและมีความสุขกับเจ้าแคลช และเจ้าสงคราม ทุกวัน โดยไม่มีใครฝึกสอนแต่อย่างใด