ฟัน"รพ.ศัลยกรรมตกแต่งกมล" ผิดโฆษณาเฟซออฟ ส่งเรื่องเปรียบเทียบปรับ 2 หมื่นบาท!

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 4 มีนาคม น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการโฆษราสถานพยาบาล ของสบส.ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) แพทยสภา และอัยการเชี่ยวชาญ ว่า คณะอนุกรรมการฯได้พิจารณากรณีสถานพยาบาลถูกเชื่อมโยงกับการโฆษณาเกินจริงในการผ่าตัดเสริมความงามให้นายสุรชัย สมบัติเจริญ ในโครงการเฟซออฟ กระชากวัย จาก 60 เหลือ 35 ปี โดยดร.เซปิงและมีมติตัดสินให้รพ. ศัลยกรรมตกแต่งกมล ซึ่งขึ้นทะเบียนเป็นสถานพยาบาลเฉพาะทางถูกต้องตามกฎหมาย ประเภทรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน มีความผิดฐานโฆษณาเกินจริงและยินยอมให้มีการโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณเสริมความงาม
เนื่องจากเมื่อทราบว่ามีการโฆษณาเกินจริงโดยอ้างถึงรพ.ด้วยแต่รพ.กลับไม่มีการทัดท้วงหรือปฏิเสธ จึงถือว่ามีความผิดตามมาตรา 38 พรบ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ที่กำหนดว่าสถานพยาบาลต้องไม่โฆษณาหรือยินยอมให้มีการโฆษณาโอ้อวดสรรพคุณเกินจริง มีโทษปรับ 20,000 บาท และหากรพ.ยังไม่ยุติการหรือทักท้วงการโฆษณาเกินจริงดังกล่าวจะปรับเพิ่มอีกวันละ 10,000 บาทจนกว่าจะมีการหยุดการโฆษณาเกินจริง

"หลังจากจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการเปรียบเทียบคดีดำเนินการส่งหนังสือแจ้งไปยังรพ.ศัลยกรรมตกแต่งกมล คาดว่าจะส่งหนังสือไปในวันที่ 7 มีนาคม 2559 หลังจากนั้นหากสถานพยาบาลยอมรับผิด ก็ปรับ 20,000 บาท แต่หากไม่ยอมรับผิด กรมจะส่งคดีฟ้องร้องต่อศาล ซึ่งจะต้องมีการปรับรายวัน 10,000 บาทอต่อวันนับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการเปรียบเทียบฯส่งหนังสือไปยังรพ. คือ นับตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม "นพ.บุญเรืองกล่าว
ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสบส. ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการโฆษณาฯ กล่าวว่า คณะอนุฯได้พิจารณาให้รพ.แห่งนี้มีความผิด เนื่องจากจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่าในเฟซบุ๊คของรพ.ศัลยกรรมตกแต่งกมล พบว่า มีการลงภาพการแถลงข่าวของดร.เซปิงเกี่ยวกับโครงการเฟซออฟ ซึ่งเป็นเฟซบุ๊คจริงของรพ.เพราะมีการนำลิงค์เฟซบุ๊คดังกล่าวแสดงอยู่บนเวบไซต์ของรพ. จึงถือว่ารพ.มีการลงโฆษณาโครงการดังกล่าวที่เป็นการโฆษณาเกินจริง นอกจากนี้ ยังผิดในเรื่องการยินยอมให้มีการโฆษณาเกินจริงด้วยข้อความเป็นเท็จ โดยพบว่าในการโฆษณาเกินจริงมีการแสดงให้เห็นภาพในอาคารสถานพยาบาลที่ทำการผ่าตัดให้คุณสุรชัย มีแพทย์คอยให้คำปรึกษา และมีพยาบาลคอยดูแล ซึ่งเป็นการโฆษณาเกินกว่าที่กฎหมายอนุญาตให้ดำเนินการได้ แต่เมื่อปรากฏภาพดังกล่าวเป็นของแพทย์และพยาบาลภายในของรพ. กลับพบว่ารพ.ไม่ได้ทักท้วงแต่อย่างใด
"การโฆษณาโครงการดังกล่าวเป็นการโฆษณาเกินจริง เพราะใช้คำว่าเฟซออฟ ซึ่งไม่สามารถใช้ได้ มีการระบุข้อความ กระชากวัยจาก 60 ปีเหลือ 35 ปี ซึ่งเป็นการโอ้อวดเกินจริง เพราะฉะนั้น เมื่อรพ.ไม่ได้ทักท้วงการโฆษณาดังกล่าวบวกกับรพ.มีการลงภาพวันแถลงข่าวโครงการดังกล่าวด้วยจึงมีความผิด" ทพ.อาคม กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรับรายวันจะนับอย่างไรเพราะสถานพยาบาลไม่ได้เป็นการลงโฆษณาในสื่อต่างๆอย่างชัดเจน ทพ.อาคม กล่าวว่า ที่ผ่านมารพ.ได้ทำหนังสือถึงสบส.ว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่กลับไม่มีหลักฐานว่าได้ทักท้วงไปถึงผู้ทำการโฆษณาและยังมีการโฆษณาอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้น จะเริ่มนับวันที่สถานพยาบาลต้องจ่ายค่าปรับหากยังไม่หยุดการโฆษณาเกินจริงตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2559ที่เป็นวันส่งหนังสือไปยังรพ.ไปเรื่อยๆจนกว่ารพ.จะนำหลักฐานมาแสดงว่าได้ทักท้วงให้ผู้โฆษณาหยุดทำการโฆษณาเกินจริงแล้ว
ทั้งนี้ หากยังพบว่าดร.เซปิงและคุณสุรชัยยังคงพูดเกี่ยวกับการศัลยกรรมใบหน้าด้วยข้อความโอ้อวดเกินจริง ก็ยังถือว่ารพ.ยังไม่ได้ทักท้วงให้หยุดการโฆษณา เพราะแม้นับจากวันดังกล่าวทั้ง 2 ท่านจะไม่ได้พูดระบุชื่อสถานพยาบาล แต่เป็นการรับรู้โดยทั่วไปแล้วว่ามีการทำผ่าตัดที่รพ.ใด แต่หากพูดด้วยข้อความที่เป็นจริงยังสามารถกระทำได้