ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63เวลา 10.45 น.ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ และกลุ่มผู้ค้า รวม 44 รายร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย และพวกรวม130 คน เป็นจำเลยที่ 1-130 (คดีรื้อบาร์เบียร์ ซอยสุขุมวิท 10)ในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์, บุกรุกในเวลากลางคืนและกักขังหน่วงเหนี่ยวข่มขืนใจให้บุคคลปราศจากเสรีภาพ
สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงเช้ามืดเวลา 04.00 น.ของวันที่ 26 มกราคม 2546 มีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายร้อยคน แต่งกายชุดซาฟารีพร้อมรถแบ็คโฮบุกเข้าทำลายร้านบาร์เบียร์ 60 ร้าน ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 10ไร่ บริเวณสุขุมวิทสแควร์ ซอยสุขุมวิท 10 กทม. เสียหายราบเป็นหน้ากลองเนื่องจากกลุ่มนายทุนกลุ่มใหม่ได้ว่าจ้างให้เข้าไปรื้อร้านค้าของผู้เช่าเดิมเพื่อจะใช้พื้นที่ทำประโยชน์ภายหลังตำรวจสืบสวนสอบสวนจนสามารถดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสิ้น จำนวน 131 คน
ซึ่ง คดีนี้ เมื่อปี2549ศาลชั้นต้นได้พิพากษายกจำคุก นายชาญเวช มาลัยบูชา ทนายความ 1 ปีส่วนจำเลยที่เหลือทั้งหมดศาลยกฟ้อง ต่อมาปี 2555 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาแก้เป็นให้จำคุกนายชูวิทย์, พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ และ พ.ต.ธัญเทพธรรมธร กับพวก รวม 66 ราย คนละ 5 ปี โดยไม่รอลงอาญาแต่ในจำนวนนี้มีจำเลยได้ยื่นต่อสู้คดีในชั้นฎีกา จำนวน 44คนและนายชูวิทย์ได้ยื่นคำร้องถอนคำให้การเดิมและสารภาพตลอดข้อกล่าวหาเมื่อวันที่15 ต.ค.58
ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการกระทำของกลุ่มจำเลยมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าอย่างชัดเจนเป็นการกระทำที่อุกอาจรุนแรงพฤติการณ์ที่เข้าไปทำลายทรัพย์สินโดยไม่มีการเคลื่อนย้ายเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
ส่วน นายชูวิทย์ได้มีการชดเชยให้ผู้เสียหายจนเป็นที่พอใจแล้วประกอบกับได้นำที่ดินไปเป็นสวนสาธารณะให้กับประชาชนแทนการก่อสร้างศูนย์การค้าจึงมีเหตุให้ลดโทษ ให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์ของรูปคดี จึงพิพากษาแก้ จากที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษา 5 ปี เป็นคงจำคุก นายชูวิทย์ กับพวก รวม 66 คน คนละ 2 ปีแต่ในจำนวนนี้ มีจำเลย 7 คน ให้นับโทษต่อจากคดีเดิม รับโทษตั้งแต่ 2 ปี 15 วัน- 4ปี
อย่างไรก็ตาม สำหรับ พันตรีธัญเทพธรรมธร หรือเสธ.แอ๊ป กับพวกรวม 4 คนที่ไม่ได้เดินทางมาในวันนี้ให้ออกหมายจับมารับโทษภายในอายุความ