ประกอบด้วย มาตรการช่วยเหลือด้านการตลาด มาตรการช่วยเหลือด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ขณะนี้ยังไม่ค่อยทั่วถึงเพียงพอ มาตรการช่วยยกประสิทธิภาพและคุณภาพการผลิต และมาตรการช่วยเหลือสนับสนุนด้านการนำนวัตกรรมมาใช้ ซึ่งการส่งเสริมในส่วนนวัตกรรมถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุด โดยภาคเอกชนจะทำงานประสานความร่วมมือกับภาครัฐและบริษัทขนาดใหญ่ เพื่อแจ้งสิ่งที่ต้องการรับการสนับสนุน เพื่อนำไปสู่ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีและธุรกิจสตาร์ทอัพที่ตรงกับความต้องการจริง
ทั้งนี้ ภาครัฐอาจพิจารณาจัดสรรรงบประมาณส่วนที่พอจัดสรรได้ในปีงบประมาณ 2559-2560 มาขับเคลื่อนภายใต้การดำเนินงานที่โปร่งใส และต้องไม่มีการคอร์รัปชั่นเกิดขึ้น ที่ผ่านมาการจัดสรรงบประมาณหรือโครงการช่วยเหลือต่าง ๆ ได้รับการจัดสรรให้กับเอสเอ็มอีบางกลุ่มที่คุ้นเคยกับภาครัฐเท่านั้น และผู้ที่ได้รับก็ซ้ำรายเดิมสมควรเปลี่ยนวิธีการใหม่ โดยให้ภาครัฐจัดสรรงบประมาณให้กับภาคเอกชนตามเรื่องที่ร้องขอรับการสนับสนุนไม่ใช่เกิดจากโครงการที่ภาครัฐคิดขึ้นมาเอง เพราะจะตอบโจทย์ความต้องการของเอสเอ็มอีได้มากกว่า
นอกจากนี้ ภาครัฐน่าจะออกคูปองนวัตกรรมเพื่อให้สามารถร่วมมือกับนักวิจัยแต่ละสถาบันการศึกษาให้สามารถเข้ามาทำงานได้ต่างจากปัจจุบันที่นักวิจัยให้ความสนใจเข้าร่วมงานด้านวิจัยและพัฒนากับบริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น เพราะทำงานเท่ากันแต่ผลที่ได้รับบริษัทขนาดใหญ่มีผลที่ชัดเจนกว่ามาก
สำหรับคณะกรรมการภาครัฐและเอกชนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ อีก 11 คณะ ประกอบด้วย คณะทำงานด้านการยกระดับนวัตกรรมและผลิตภาพ , คณะทำงานด้านการดึงดูดการลงทุนและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ, คณะทำงานด้านการยกระดับคุณภาพวิชาชีพ, คณะทำงานด้านการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ, คณะทำงานด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวและส่งเสริมอุตสาหกรรมการประชุมและจัดนิทรรศการ (ไมซ์) รวมทั้งคณะทำงานด้านการส่งเสริมการส่งออกและการลงทุนในต่างประเทศ , คณะทำงานด้านพัฒนาคลัสเตอร์ภาคอุตสาหกรรมแห่งอนาคตคณะทำงานด้านการปรับแก้กฎหมายและกลไกภาครัฐ, คณะทำงานด้านการพัฒนาการเกษตรสมัยใหม่, คณะทำงานด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำและคณะทำงานด้านการสร้างรายได้และการกระตุ้นการใช้จ่ายของประเทศ