เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 พฤศจิกายน ที่ อู่ TSK อะไหล่ยนต์ ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภ.5 ร่วมกับ พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภ.5 ได้ร่วมกันแถลงผลจับกุม แก๊งชำแหละรถยนต์ แยกชิ้นส่วนส่งขายพื้นที่ กรุงเทพฯและปริมณฑล โดยมีผู้ต้องหา 6 ราย คือ นายอนุสรณ์ แซ่หลิว อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23/1 ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ นายนันทกร ปัญญา อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30/4 หมู่ 5 ต.ป่าไผ่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่, นายอภิชาต บุญโสภา อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 6 ต.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก,นายณัฐดนัย วรรณยศ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 106 หมู่ 3 ต.ป่าไผ่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่,นายเซี่ยวเต๋ย แซ่ห่ม อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 283 หมู่ 10 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และนายวีระพล แซ่ปี อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 0/89 หมู่ 2 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ โดยมีนายอนุสรณ์ เป็นเจ้าของกิจการ ขณะที่ผู้ต้องหาอีก 5 รายทำหน้าที่เป็นช่างชำแหละชิ้นส่วนรถยนต์
พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากศูนย์ป้องกันปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ตำรวจภูธรภาค 5 ได้รับร้องเรียนจากผู้เสียหายหลายรายซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรถเช่าว่าถูกเช่ารถแล้วเชิดรถหนี โดยคาดว่า น่าจะเป็นฝีมือแก๊งชำแหละรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวน กระทั่งติดตามเบาะแสมาถึง อู่ TSK อะไหล่ยนต์ พื้นที่ ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ที่เชื่อว่าเป็นสถานที่การขาย รับซื้อและแยกชิ้นส่วนรถยนต์อย่างผิดกฎหมาย
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เวลา 14.00น. เจ้าหน้าที่จึงได้บุกเข้าตรวจค้น และพบนายอนุสรณ์ กำลังทำการชำแหละรถยนต์คันหนึ่ง ทราบภายหลังว่าเป็นรถยนต์ตรงกันกับข้อมูลว่ามีผู้เสียหายได้แจ้งความหายไว้ ขณะที่ พบว่าภายในอู่ มีทั้งรถยนต์ที่มีการเช่ามาจากร้านรถเช้าแล้วหลบหนี,รถยนต์หลุดจำนำ,รถยนต์หนีไฟแนนซ์ และรถยนต์ที่ได้รับแจ้งว่าสูญหาย อีกจำนวนหลายคัน ซึ่งจะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง รวมทั้งยังพบเครื่องยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถยนต์ กองรวมกันอีกจำนวนมาก ที่กำลังรอการจำหน่าย จึงได้แจ้งข้อหานายอนุสรณ์ พร้อมกับพวก ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร
ด้านนายอนุสรณ์ ให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ตนเป็นนักแข่งรถ ก่อนจะหันมาดำเนินกิจการชำแหละรถยนต์ร่วมกับลูกน้อง โดยทำมาเป็นเวลาประมาณ 1 ปี 2 เดือน บนที่ดินประมาณ 5 ไร่ของพ่อแม่ที่สร้างโกดังและเปิดเป็นอู่ซ่อมรถ โดยที่ผ่านมามีรถยนต์ทั้งรถเก๋งและรถกระบะที่ถูกชำแหละเฉลี่ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 20 คัน รวมทั้งสิ้นกว่า 100 คัน มูลค่าความเสียหายรวมไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
โดยจะซื้อรถที่เป็นรถติดไฟแนนซ์ รถจำนำ หรือรถจากร้านเช่ารถ ที่มีคนนำมาขายให้ และนำมาชำแหละส่งเครื่องยนต์ ส่งขายในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนชิ้นส่วนที่เหลือจะนำมาขายปลีกให้กับลูกค้าที่เข้ามาซื้อที่อู่ ขณะที่เรื่องผิดกฎหมายนั้น พ่อและแม่และครอบครัว ไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งจะทำการตรวจสอบโครงรถยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ทั้งหมดว่าได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพื่อขยายผลต่อไป