เตือนคนไทยในอิสราเอล ระวังเหตุรุนแรง

สถานทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ประกาศเตือนให้คนไทยหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังแหล่งชุมนุมทั่วอิสราเอล โดยเฉพาะในนครเยรูซาเล็ม หลังเกิดเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์กับตำรวจอิสราเอลในนครเยรูซาเล็มตั้งแต่เดือน ก.ย. และล่าสุดในเดือนนี้เหตุรุนแรงลุกลามกลายเป็นการทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีคมและอาวุธปืน เช่น กราดยิงบนรถโดยสาร และขับรถชนป้ายรถโดยสาร
คำเตือนมีขึ้นขณะที่เมื่อวานนี้เพิ่งเกิดเหตุชายคนหนึ่งจากเมืองเฮบรอนในเขตเวสต์แบงก์ของปาเลสไตน์พยายามแทงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทางเข้าเขตเมืองเก่าเยรูซาเล็ม แต่ถูกยิงเสียก่อน และชายชาวปาเลสไตน์อีกคนใช้มีดแทงหญิงชราวัย 72 ปีได้รับบาดเจ็บใกล้ป้ายรถโดยสาร ก่อนมือถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรม
เหตุรุนแรงเกิดขึ้นแม้ในวันเดียวกันอิสราเอลเริ่มเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยปิดล้อมย่านชาวอาหรับในเยรูซาเล็มตะวันออก ตั้งแท่งคอนกรีตกีดขวาง รวมทั้งตั้งด่านตรวจ และส่งทหารหลายร้อยนายตรึงกำลังในเมืองต่างๆเพื่อป้องกันเหตุร้าย นอกจากนี้ยังสั่งให้ยึดบ้านผู้ก่อเหตุรุนแรง และไม่คืนศพผู้ก่อเหตุให้ครอบครัว รวมถึงเพิกถอนสิทธิพำนักถาวรของผู้ก่อเหตุในเยรูซาเล็ม
ขณะที่ชาวปาเลสไตน์ที่โกรธแค้นออกมาชุมนุมประท้วง โดยขว้างปาก้อนหินใส่กองกำลังของอิสราเอล ทำให้ถูกตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตาและระเบิดควัน
นับตั้งแต่ต้นเดือนเป็นต้นมา มีชาวอิสราเอล 7 รายและชาวปาเลสไตน์ 32 รายเสียชีวิตจากความรุนแรง และปาเลสไตน์เรียกร้องให้สหประชาชาติส่งทหารเข้าคุมครองพื้นที่ในฝั่งตะวันออกของนครเยรูซาเล็มเพื่อระงับเหตุนองเลือด ในขณะที่หลายฝ่ายกำลังวิตกว่าจะกลายเป็นการสู้รบเต็มรูปแบบระลอกใหม่ และมีเสียงประนามว่าอิสราเอลใช้กำลังเกินกว่าเหตุกับผู้ประท้วง
ต้นตอของความขัดแย้งล่าสุดเริ่มขึ้นเมื่อต้นเดือนนี้เมื่อกลุ่มฮามาสที่สนับสนุนปาเลสไตน์ยิงสังหารชาวยิวที่เข้าไปตั้งถิ่นฐานในเขตเวสต์แบงก์ ต่อหน้าลูกๆของเหยื่อ และก่อนหน้านั้นเกิดการปะทะกันหลายครั้งระหว่างกองกำลังรักษาความมั่นคงอิสราเอลกับกลุ่มวัยรุ่นปาเลสไตน์ ที่หน้ามัสยิดอัล-อัคซา เมื่อเดือน ก.ย.