ค่าพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้า และกำลังไฟฟ้าสำรองที่มีมากเกินไป คือสองประเด็นหลักในแผนพัฒนากำลังผลิตกระแสไฟฟ้าหรือ แผน PDP 2015 ที่ถูกตั้งคำถามโดย เครือข่ายภาคประชาชน
กลุ่มจับตาพลังงาน ที่ติดตามแผน PDP มาโดยตลอด บอกว่า ความต้องการไฟฟ้าสูงสุด ที่เกิดขึ้นจริงเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาอยู่ที่ 27,198 เมกะวัตต์ แต่ค่าพยากรณ์ฯ ที่ใช้ในแผน PDP 2015 กลับใช้ตัวเลข 29,051 เมกะวัตต์ หรือสูงกว่าความเป็นจริงถึง 1,853 เมกะวัตต์ ฐานตัวเลขที่ไม่ถูกต้องเช่นนี้ย่อมทำให้ค่าพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้า ในปีถัดไปสูงกว่าความเป็นจริงไปตลอดแผน เราสอบถามเรื่องนี้กับผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้รับคำตอบว่า ความจริงแล้ว การพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้าในแผนต่ำกว่าความเป็นจริง และรวมการประหยัดพลังงานแล้วนอกจากข้อถกเถียงเรื่องค่าพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้าแล้ว กำลังไฟฟ้าสำรองที่มีสูงถึง 30% ก็ทำให้นายสันติ กลุ่มจับตาพลังงาน บอกว่า กำลังไฟฟ้าสำรองที่สูงขนาดนี้ หากไม่มีโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่และเทพา ขนาดรวม 2,800 เมกะวัตต์ ก็ยังมีกำลังผลิตติดตั้งสำรองเหลือเกิน 15%
กำลังผลิตไฟฟ้าสำรองที่สูงมากดังกล่าว เป็นภาระผูกพันที่ประชาชนจะต้องจ่ายผ่านค่าไฟมหาศาลไม่ต่ำกว่าสองแสนถึงสามแสนล้านบาท
สวนทางกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่บอกว่าพลังงานฐานยังไม่เพียงพอ และไทยมีความจำเป็นต้องผลักดัน เดินหน้าทางด้านเศรษฐกิจ
ตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่แผน PDP 2010 มีการปรับเปลี่ยนแผนมาถึง 7 ครั้ง โดยแผนก่อนหน้านั้น กำหนดเพิ่มการผลิตกระแสไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ แต่มาในแผน PDP 2015 กำหนดเพิ่มสัดส่วนเชื้อเพลิงไปที่พลังงานถ่านหิน
ผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยยอมรับว่ามีการทบทวนแผน PDP ในทุกปีเครือข่ายภาคประชาคม ด้านพลังงาน ยังคงเรียกร้อง การมีส่วนร่วมในการวางแผน PDP มาโดยตลอด