ที่กองบังคับการปราบปราม - ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 ก.ย.2558 พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1บก.ป. และเจ้าหน้าที่กก.1บก.ป. นำตัวนายชม ไชยณรงค์ อายุประมาณ 40 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุ โดยจากแนวทางการสืบสวนพบว่า นายชม เป็นผู้จ้างวานให้นายภาณุพงษ์ ไปทวงหนี้นายสมยศ ก่อนที่จะบอกให้มีการใช้อาวุธปืนยิงนายสมยศ ทั้งนี้ ทีมสืบสวนกองปราบปราม จะได้นำตัวนายชม ไปแถลงข่าว ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังเกิดเหตุชุดสืบสวนได้วิเคราะห์ข้อมูลประเด็นการสังหาร นายสมยศ ฯ พร้อมกับตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณเกิดเหตุ เส้นทางคนร้าย ก่อนและหลังเกิดเหตุ ตรวจสอบบุคคลที่มีตำหนิรูปพรรณ และลายสักที่แขนซ้ายและขวา ตามภาพวงจรปิดที่เป็นมือปืนในคดีนี้ จนกระทั่งสืบสวนทราบว่า นายภานุพงษ์ หรือ แจ้ รัสนา อายุ 32 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 2/5 หมู่6 แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน มีตำหนิรูปพรรณและมีรอยสักตรงกับมือปืน รวมทั้งได้สืบสวนหาความเชื่อมโยงกระทั่งพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารเจ้าพ่อคาเฟ่รายนี้ จึงได้ รวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนขออำนาจศาลจังหวัดพระโขนง ออกหมายจับนายภานุพงษ์ ใน ข้อหา ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยมีและใช้อาวุธปืน
และสามารถจับกุม นายภานุพงษ์ ได้ขณะเดินอยู่ที่หน้าโรงเรียนอุบลรัตนราชกัญญาราชวิทยาลัย ซ.จรัญสนิทวงศ์ 35 ถ.ปากน้ำวัดแก้ว แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ IPhone 6 สีทอง จำนวน 1 2. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ LG สีชมพู จำนวน 1 เครื่อง 3. รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นสแมช สีแดงดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน (ตรวจสอบภายหลังทราบเป็นรถหมายเลขทะเบียน บมฉ 540กทม ทิ้งในวันเกิดเหตุ
ทั้งนี้จากการสอบปากคำนายภานุพงษ์ ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 วัน นายนกหรือ นายกฤษฎา ใจเอม ได้ติดต่อให้ ไปทวงหนี้ ก่อนที่จะไปพบนายชมหรืออาจารย์ ซึ่งเป็นอดีตผู้คุม ที่โรงแรมคอนเทรนเนอร์รีสอร์ท ถ.เลียบคลองสอง ก่อนที่นายชมบอกว่าไม่ต้องไปทวงหนี้แล้ว ถึงทวงเขาก็ไม่ให้ แต่ให้ไปยิงแทน คืนต่อมาได้ไปพัก ที่ โรงแรมบ้านสวนรีสอร์ท เพื่อร่วมวางแผนในการสังหารครั้งนี้ กระทั่งในวันเกิดเหตุก็ได้นั่งรถแท็กซี่มาลงที่สนามกีฬาหัวหมาก นายชมได้มอบปืน ลูกโม่ขนาด .38 พร้อมรูปถ่ายนายสมยศพร้อมเงินค่าจ้าง 300,000 บาท ก่อนที่จะพบกับนายหนู ไม่ทราบชื่อ นามสกุลจริง ที่สนามกีฬาหัวหมาก
จากนั้นนายหนูฯได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ โดย ซ้อนท้ายไปที่ร้านเฮงหูฉลาม ถ.พัฒนาการ ต่อมาเมื่อนายสมยศ เดินออกมาจากร้านมาที่รถที่จอดอยู่ในลาน นายภานุพงษ์ได้เดินเข้าไปใช้อาวุธปืนยิงนายสมยศที่ด้านหลัง 2 นัด เมื่อนายสมยศฯกลับมามอง จึงยิงไปที่บริเวณใบหน้า 1 นัด จนล้มลง และยิงซ้ำที่หัวอีก 1 นัด รวม 4 นัด หลังเกิดเหตุได้หลบหนี ทิ้งจักรยานยนต์ ที่บริเวณซอยรามคำแหง 24 แยก 2 และหลบไปพักย่านหนองแขม เผากระเป๋าสะพาย เสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันเกตุเหตุ นำปืนที่ใช้ก่อเหตุ ไปโยนทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่บริเวณกลางสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายภาณุพงษ์ เคยถูกดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ท้องที่ สน.บางขุนนนท์ และข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยผิดกฎหมาย ท้องที่ สน.บางขุนนนท์
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับขบวนการนี้มีผู้ร่วมขบวนการ 5 คนประกอบไปด้วย นายภาณุพงษ์ หรือ แจ้ รัสนา มือปืนก่อเหตุ ,นายชม ไชยณรงค์ ผู้จ้างวาน นายกฤษฎา หรือนก ใจเอม ผู้รับงาน นายหนู ผู้ขี่รถจยย.ในวันก่อเหตุ นอกจากนี้ยังมีผู้ร่วมขบวนการอีก1 คนเป็นคนใกล้ชิด เป็นคนชี้เป้า ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลจับกุมต่อไป