"ฟิลลิป ดี.ราวด์" ผิดหวังรัฐ ทำ"แต้วแล้วท้องดำ"เสี่ยงสูญพันธุ์ จี้เร่งคืนผืนป่าให้นก

ฟิลลิป ดี. ราวด์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และนักปักษีวิทยา หนึ่งในผู้ค้นพบนกแต้วแล้วท้องดำ เมื่อ 30 ปีก่อน "เปิดใจ" ครั้งแรกในรอบ 5 ปี หลังสถานการณ์นกแต้วแล้วท้องดำในป่าที่ราบต่ำจ.กระบี่ กำลังสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย เปิดปมภัยคุกคามนก ทั้งการบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน การท่องเที่ยวในบ้านของนก และความไม่ชัดเจนของนโยบายรัฐ
นักปักษีวิทยา เป็นหนึ่งในผู้ค้นพบนกแต้วแล้วท้องดำ เมื่อ 30 ปีก่อน บอกเล่าถึงวินาทีแรก ที่พบนกแต้วแล้วท้องดำตัวแรกในป่าราบต่ำเขานอจู้จี้ ที่บ้านบางเตียว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ หลังจากเขา และอุทัย ตรีสุคนธ์ จากสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย ออกตามหาจากพ่อค้านกในจังหวัดนครศรีธรรมราช จนกระทั่งได้พบนกแต้วแล้วที่ยังมีชีวิตในป่าแห่งนี้ โดยใช้เวลาถึง 4 ปีเต็ม

แต่วันนี้ ฟิลลิป ดี. ราวด์ บอกว่ารู้สึกตกใจ และเสียดาย ที่ได้ยินข่าวว่าไม่เคยมีใครเจอนกแต้วแล้วท้องดำในป่าแห่งนี้มาแล้วกว่า 2 ปี แต่ก็ไม่รู้สึกแปลกใจ เพราะเขาเองนั้น ยังถอดใจมาเกือบ 5 ปี และรู้สึกผิดหวังกับการทำงานของหน่วยงานราชการ ที่ไม่สามารถรักษาบ้านผืนสุดท้ายของนกที่ถูกประกาศเป็นพื้นที่อนุรักษ์เพียง 1 ตารางกิโลเมตร จากที่เขาเคยเสนอให้ประกาศครอบคลุมพื้นที่ 30 ตารางกิโลเมตร เพื่อให้นกและสัตว์ป่าอีกหลายชนิดในป่าแถบนี้ได้อยู่อาศัย
"ภัยคุกคามสำคัญคือพื้นที่ป่าราบต่ำเขานอจู้จี้ ที่เหมาะสมกับนกหายไป จากการถูกบุกรุกอย่างต่อเนื่องจนถึงตอนนี้ รวมทั้งการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ส่งผลให้ประชากรนกที่เคยสำรวจไว้ 45 คู่ในปี 2529 ลดลงจนเหลือแค่ 1 ตัวในปี 2556" ฟิลลิป ดี. ราวด์ เล่าให้ฟัง

ฟิลลิป ย้ำว่า ไม่มีใครอยากเห็นนกสำคัญของโลกสูญพันธุ์จากป่าเมืองไทย แต่จากความไม่ชัดเจนในเชิงนโยบาย และการป้องกันป่าราบต่ำของภาคใต้ วันนี้ยังมีนกอีกหลายชนิดที่อยู่ป่าแถบนี้ที่กำลังจะหายไป เช่น นกจู๋เต้นตีนใหญ่ ไก่ฟ้าหน้าเขียว และนกกินแมลงอีกหลายชนิด ดังนั้นเขาจึงอยากเห็นนโบายที่ชัดเจนที่จะรักษาประชากรนก และประกาศเขตอนุรักษ์เพิ่มเติมเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ให้กับสัตว์ป่าหายากของโลก
วันนี้หลายฝ่ายยังมีความหวังที่จะเจอนกแต้วแล้วท้องดำ ออกมาใช้ชีวิตในป่าอีกครั้งไม่ใช่แค่ภาพถ่ายที่เหลืออยู่...